เนื้อหาบทความ ซ่อน

แว่นตาผู้ชาย แนะนำวิธีเลือกแว่นตาอย่างไรให้เหมาะกับรูปทรงหน้า

ปัญหาเรื่องสายตา มักจะถูกพบบ่อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เข้ามามีบทบาทในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น โดยจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะทำงาน หรือ เรียน จะต้องใช้คอมพิวเตอร์เกือบ 100% เลยทีเดียว ดังนั้นแล้วบางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าคุณเองกำลังมีปัญหาทางด้านสายตา โดยเฉพาะสายตาสั้น ที่ในปัจจุบันเด็ก  ๆ เริ่มที่จะสั้นเร็วผิดปกติ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายแต่อย่างใด เพราะการใส่แว่นตา จะช่วยให้คุณมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เรียกได้ว่าสะดวกมากในชีวิตประจำวันด้วย สำหรับวันนี้พวกเราจะไปพูดถึงเรื่อง ปัญหาเรื่องสายตา ว่าแบบไหนควรที่จะตัดแว่นใส่ได้แล้ว รวมทั้งจะไม่เชยอีกต่อไป กับ การแนะนำวิธีเลือก แว่นตาผู้ชาย ยังไง ให้เข้ากับรูปหน้า รับรองได้ว่าเมื่อใส่แล้วจะดูดีกว่าเดิมแน่นอน เพราะปัญหาเรื่องสายตาจะรอไม่ได้ ถ้าพร้อมแล้วเราไปติดตามรายละเอียดของเรื่องนี้ได้ในบทความนี้


สายตาแบบไหนควรตัดแว่น

แว่นตาผู้ชาย

ปัญหาเรื่องสายตา จะต้องหมั่นตรวจเช็คเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตด้วยตัวเอง หรือ เข้ารับการตรวจสายตาประจำปี แต่ทว่าตัวคุณเองสามารถเช็คว่าคุณมีปัญหาด้านสายตาแล้วหรือยัง โดยมีวิธีการตรวจสอบ พร้อมทั้งพบปัญหาในการใช้ชีวิตดังต่อไปนี้

1.ต้องการใช้ไฟสว่างมากขึ้น ในการอ่านหนังสือ

เรื่องแรกเลยเมื่อคุณอ่านหนังสือ แล้วมองว่าแสงสว่างยังไม่พอ ต้องการเปิดไฟเพิ่ม เพราะแสงในห้องอาจจะไม่พอ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บอกว่าคุณเองต้องไปตรวจสายตาเพิ่ม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น แต่บอกเลยว่า งานนี้คุณอาจจะมีค่าสายตาที่สั้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะมีงานวิจัยที่พบว่า ผู้ที่มีอายุ 60 ปี นั้น จะต้องใช้ไฟมากกว่าผู้ที่มีอายุ 20 ปี อย่างน้อย 3 เท่าเลยทีเดียว  

2.ตาของคุณล้า เมื่อใช้คอมพิวเตอร์

เมื่อคุณเองต้องเพ่งสายตาอยู่ที่คอมพิวเตอร์แบบหนัก ๆ กล้ามเนื้อตาจะทำงานหนักที่สุด ถ้หากว่าคุณเองมีปัญหาทางด้านสายตา แล้วยังไม่ได้ใส่แล้ว อาจจะทำให้มีอาการตาล้า พร้อมทั้งง่วงนอนได้ แต่ถ้าหากว่าใส่แว่นแล้วยังไม่ดีขึ้นขอแนะนำว่าให้กระพริบตาบ่อยขึ้น หรือ อีกวิธีคือดันหน้าจอให้ห่างจากตัวมากขึ้น เพื่อให้กล้ามเนื้อตาทำงานน้อยลงนั่นเอง 

3.เมื่ออ่านหนังสือ ใช่ระยะห่างมากขึ้น

เคยสังเกตตัวเองไหม เวลาที่จะอ่านหนังสือ ถ้าหากว่าพบว่าอยากมองหนังสือที่ไกลขึ้นกว่าเดิม แน่นอนเลยว่าคุณเองจะมีปัญหาในเรื่องสายตา มากไปกว่านั้น ถ้าอ่านใกล้ ๆ แล้วมองเห็นชัด แสดงว่าคุณสายตาสั้น แต่ถ้าต้องมองไกล ๆ แสดงว่ามีค่าสายตาที่ยาวนั่นเอง มีวิธีสังเกตง่าย ๆ หากมองวัตถุที่อยู่ห่างจากใบหน้าของคุณที่ระยะ 14 นิ้วไม่ชัดล่ะก็ แสดงว่าจะต้องตัดแว่นซะแล้ว

4.มีอาการปวดหัวบ่อย 

อาการปวดหัวเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ แต่สำหรับสายตาแล้วนั้น การเพ่งสายตามาก ๆ อาจจะทำให้คุณมีอาการปวดหัว หรือ อาการปวดหัวที่เป็นอยู่แย่ลงกว่าเดิม อีกทั้งมีอาการเพิ่มอย่างการปวดกระบอกตาด้านใน ก็อาจจะบอกได้ว่าคุณมีปัญหาเรื่องสายตา วิธีแก้คือ เลี่ยงการใช้สายตามาก ๆ ทุก 20 นาทีจะต้องมองไปที่อื่น เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อเป็นการพักสายตานั่นเอง 

5.มองเห็นแสง เป็นวงแหวนรอบวัตถุ 

เมื่อคุณมีอาการมองเห็นแสง เป็นวงแหวนรอบ ๆ วัตถุ หรือ ไม่สามารจับภาพได้ ภาพเบลอ แตกกระจายออก นี่อาจจะเป็นปัญหาสายตาในโรคต้อกระจก ซึ่งเป็นปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที 

6.อายุมากกว่า 40 ปี

เมื่อคุณอายุมากขึ้น อวัยวะในร่างกายก็เริ่มที่จะถดถอยลงไป โดยดวงตาอาจจะไม่สามารถจับภาพวัตถุใกล้ ๆ ได้ โดยพบมากที่สุดในวัย 40 ปีขึ้นไป กับ ปัญหาสายตายาว ดังนั้นควรเช็คตัวเองว่าควรที่จะสวมแว่น หรือ ตัดแว่นแล้วหรือยัง

เรียกได้ว่าปัญหาทั้งหมด ไม่ว่าเกิดขึ้นในข้อใดข้อหนึ่งให้ไม่ควรที่จะอยู่เฉย ต้องรีบปรึกษาแพทย์ทันที รวมไปถึงการตรวจวัดค่าสายตา ที่ร้านตัดแว่น ก็จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถตอบคำถามได้ว่า ตัวเรานั้นมีค่าสายตาที่สั้น หรือ ยาว,เอียง อย่างไร โดยวัดค่าได้เท่าไหร่ จะต้องใส่แว่นเลยไหม เรามีคำตอบมาให้อ่านกันด้วย


ค่าสายตาเท่านี้ ตัดแว่นเลยไหม?

แว่นตาผู้ชาย

ความจำเป็นในการตัดแว่น หลายคนอาจจะมองว่ามีมูลค่าที่สูงมาก แต่บอกเอาไว้เลยว่า ปัญหาเรื่องสายตาถ้าไม่รีบแก้ไข ตัวเราเองจะใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก อย่างไรก็ตามเมื่อวัดค่าสายตาออกมาได้เท่าไหร่ ควรจะตัดแว่นเลยรึเปล่าพวกเราได้รวบรวมคำตอบมาดังนี้

ถ้าสายตาสั้น 50 

ถ้าหากว่าค่าสายตาสั้น 50 เราเองจะใส่แว่น หรือ ไม่ใส่ก็ได้ เพราะมันเป็นค่าสายตาที่ใกล้เคียงกับปกติ โดยสามารถที่จะเลือกใส่ หรือ ไม่เลือกใส่ก็ได้ หรือ ในบางคนอาจจะใส่ตอนที่ใช้สายตามาก ๆ เช่น ตอนใช้มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือ อ่านหนังสือ หรือ อาจจะยังไม่ใส่เลยก็ได้ เป็นค่าสายตาสั้นที่น้อยมาก

ถ้าสายตาสั้น 75 – 100

นี่แหละคือค่าที่ก้ำกึ่ง เพราะคุณเองจะใช้ชีวิตลำบากขึ้น แต่สำหรับบางคนก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ได้ต่างจากค่าสายตาปกติสักเท่าไหร่ ดังนั้นค่านี้ก็อยู่ที่ว่าคุณเองจะอยากใส่หรือไม่ ถ้ามีผลกระทบกับการใช้ชีวิตมากก็ต้องใส่เอาไว้เพื่อความสะดวก ส่วนค่าสายตา 100 อันตรายเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อใช้สายตามาก ๆ อาจจะมีอาการปวดตา หรือ ปวดหัวร่วมด้วยนั่นเอง 

สายตาสั้น 150-200

สำหรับค่าสายตาสั้นเยอะแบบนี้ บอกเลยว่าจะมองไม่ชัดเป็นที่แน่นอน มีปัญหาต่อการทำงาน หรือ ใช้ชีวิตอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วต้องตัดแว่นเพื่อใช้ เพราะโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุในการใช้ชีวิตนั้นมีสูงมาก และ ผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอาจจะทำให้ตาล้า หรือ ปวดหัวได้

สายตาสั้น 300 และ มากกว่านี้

ค่าสายตาสั้น 300 ในจุดนี้เชื่อเลยว่าจะมองไม่เห็นอย่างแน่นอน ควรจะต้องใส่แว่นเอาไว้ตลอดเวลา ทำแบบนี้ก็เพราะว่าเพื่อไม่ให้สายตาเมื่อย ตาล้า เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ โดยค่าสายตาที่สูงกว่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน ซึ่งจะต้องใส่แว่นเอาไว้ตลอดเวลาเพื่อจะได้ใช้ชีวิตได้ปกติ


เรื่องเข้าใจผิด เกี่ยวกับการใส่แว่น 

แว่นตาผู้ชาย

การใส่แว่น ก็มักจะมีความเชื่อที่ผิดอยู่บ้าง บางรายบอกว่ายังไม่สั้นมากยังไม่ต้องใส่ หรือ ในวัยเด็กอย่างใส่เยอะเดี้ยวจะสั้นลงได้ หรือ เรื่องความเชื่อที่ผิด ๆ ที่ส่งผลให้สายตาเราแย่ลงไปกว่าเดิมได้ โดยมีเรื่องที่เข้าใจผิด ต้องทำความเข้าใจกันใหม่ดังต่อไปนี้


1.ถ้าไม่ใส่แว่นตลอดเวลา จะทำให้สายตาสั้นลง

สำหรับคำนี้ไม่ได้เป็นเรื่องจริงเสมอไป เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเกิดแค่กับวัยเด็กเท่านั้น เนื่องจากเป็นวัยที่ดวงตายังเติบโตได้อยู่ ถ้าหากว่าเราไม่ได้ใส่แว่นตลอดเวลา จนทำให้รู้สึกใช้สายตาเพ่งมองอยู่บ่อยครั้ง ลูกตาจะยืดออกผิดปกติ รวมทั้งจะทำให้สายตาสั้นขึ้นมากกว่าเดิมได้ แต่ทว่าในวัยของผู้ใหญ่จะไม่เกิดขึ้น เพราะว่าการเพ่งสายตาชั่วขณะของผู้ใหญ่นั้นไม่ได้ทำให้ลูกตายืดออก แต่จะทำให้เกิดอาการตาเมื่อย ตาล้า ปวดหัว แต่ ไม่ไดทำให้สายตาสั้นลงแต่อย่างใด


2.เด็กไม่ควรใส่แว่นตามค่าสายตา เพราะจะทำให้สายตาสั้นลง

มีความเข้าใจผิดว่าดวงตาของเด็กอาจจะยังอ่อนแอเกินกว่าจะใส่แว่น หากใส่แว่นค่าสายตามาก ๆ ตามค่าสายตาจริง จะเป็นทำร้ายด้วงตามากเกินไป พร้อมทั้งยังทำให้ให้สายตาสั้นมากขึ้น ในความเป็นจริงแล้วตรงนี้ไม่ใช่เลย 

เพราะเด็กไม่ได้ใส่แว่นตามค่าสายตาที่ควรจะเป็น เด็กจะเพ่งมอง พร้อมทั้งทำให้ลูกตายืดออกจนสมดุลระยะสายตาผิดปกติได้  พร้อมทั้งจะทำให้สายตาสั้นมากขึ้น ดังนั้นควรจะให้เด็กใส่แว่นตาที่เหมาะกับค่าสายตาตั้งแต่ต้น



3.สายตาสั้น ไม่ทำให้ตาบอด

แท้จริงแล้ว สายตาสั้นก็อาจจะทำให้ตาบอดได้ เพราะถ้าหากว่าสายตาสั้นมากเกินไป อีกทั้ง ไม่ได้รักษาด้วยการปรับค่าสายตา อย่างการใส่แว่นตา หรือ ทำเลสิก จะถือว่าเป็นอาการตาบอด เพราะจะมองอะไรไม่เห็นเลย อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะทำให้ตาบอดสนิท กับ โรคจอประสาทตาเสื่อม,น้ำวุ้นตาเสื่อม รวมทั้ง จอตาฉีกขาด และ หลุดลอก นั่นเอง 


4.ค่าสายตายาว กับ สายตาสั้น หักลบกันได้

นี่เป็นความเชื่อที่ผิดมาก เพราะสายตายาวไม่สามารถหักลบกันได้ เพราะเป็นความผิดปกติของแต่ละคนเท่านั้น กรณีที่ส่วนใหญ่พบได้มากที่สุดคือ ผู้ที่มีสายตาสั้นจากสรีระดวงตามาตั้งแต่ต้น เมื่ออายุมากขึ้น จะเกิดเป็นสายตายาวตามอายุจากกล้ามเนื้อควบคุมเลนส์ตาเสื่อม ทำให้มองใกล้ไม่ชัด มองไกลก็ไม่เห็น 

จากค่าสายตาที่วัดออกมาได้ จึงมีทั้งค่าสายตานั้น ค่าสายตายาวเช่นกัน LE-1.00+2.00 add โดยตัวเลข +2.00 add คือค่าสายตายาวที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ดังนั้นการประกอบแว่น หากอยากให้แว่นแก้ไขได้ทั้งสองค่าสายตา จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งบนจะเป็นค่าสายตาสั้น ใช้สำหรับมองไกล ส่วนครึ่งล่างจะเป็นค่าสายตายาวใช้สำหรับมองใกล้


5.สายตาสั้น จะกลับมาปกติ เมื่ออายุมากขึ้น

ความเชื่อในข้อนี้ดูเหมือนว่าจะมีกรณีอย่าง เด็กที่สายตาสั้น เมื่อโตขึ้น ค่าสายตาสั้นก็ดันน้อยลง จากการเติบโตแบบนี้ ทำให้หลาย ๆคนเข้าใจผิดว่า หากตอนเด็กสายตาสั้น เมื่ออายุมากขึ้นสายตาจะยาวหักลบกันไป ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริง 

เรียกได้ว่าทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี้ เป็นความเชื่อที่ผิด แต่ก็มีบางส่วนที่คล้ายคลึงว่าสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่การันตีว่าสามารถเป็นไปได้จริง ดังนั้นแล้วการใส่แว่นนั้นจะต้องใส่กับตัวค่าสายตาปัจจุบันเท่านั้น แต่ก็ขอแนะนำสำหรับคนที่ไม่อยากใส่แว่น เพราะพวกเราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาเบื้องต้น พร้อมทั้งไม่ต้องใส่แว่นเอาไว้ให้แล้วดังนี้


สายตาสั้น แต่ไม่อยากใส่แว่น

แว่นตาผู้ชาย

การรักษาสายตาสั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธี รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการใส่แว่น ที่หลาย ๆ คนมักพบเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต เล่นกีฬา หรือ อื่น ๆ มากมาย ดังนั้นพวกเราจึงได้รวบรวมวิธีการรักษาสายตาสั้นแบบไม่ต้องใส่แว่น ซึ่งจะมีดังต่อไปนี้

1.การใส่คอนแทคเลนซ์

สำหรับวิธีนี้จะเป็นที่นิยมมาก  เพราะไม่ต้องใส่แว่น ไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยที่ไม่มีแว่นมาเกะกะ แต่ข้อเสียก็คือ การใส่คอนแทคเลนส์ ผู้ใส่จะต้องมีวินัยเรื่องความสะอาด เพราะต้องมีการล้าง ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะทำให้ดวงตาเกิดการอักเสบ พร้อมทั้งโรคอื่น ๆที่เกิดขึ้นกับดวงตาตามมาได้นั่นเอง 


2.การทำเลสิค LASIK

การทำเลสิค หรือ Laser-Assisted In-Situ Keratomileusis เป็นการรักษาค่าสายตา โดยมีการปรับความโค้งกระจกตาด้านนอกให้แบนลง ด้วยเลเซอร์ เอ็กไซเมอร์ ให้แสงถูกถ่างออกเล็กน้อย จากเดิมที่จุดตัดของแสงอยู่หน้าจอตาเกิดเป็นสายตาสั้น ให้จุดตัดแสงถอยไปจนเกิดที่จอตาได้พอดี 

แต่ข้อจำกัดก็คือ ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีกระจกตาที่หน้าเพียงพอ ค่าสายตาต้องคงที่แล้วในขณะที่ทำ เนื่องจากทำซ้ำได้ยาก 


3.การทำ รีแลกซ์สมายล์

การทำ รีแลกซ์สมายล์ จะเป็นวิธีแก้ไขค่าสายตาโดยใช้เลเซอร์ในทุกขั้นตอน ทั้งขั้นตอนการแยกชั้นกระจกตา รวมทั้งการแก้ไขกระจกตา ทำให้การรีแลกซ์ สมายล์มีความแม่นยำสูง พร้อมทั้งไม่ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาเสียหายในระหว่างแก้ไขค่าสายตา แผลหายได้เร็ว

แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้ก็คือ ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับสายตา ตาแห้งเกินไป หรือ ผู้ที่แผลหายได้ช้าจากผลของโรคอื่น ไม่สามารถทำได้  


4.การทำ เฟมโตเลสิค 

การทำ Femto LASIK เราจะรู้จักกันดีในการผ่านตัดเลสิคไร้ใบมีด เป็นการแก้ไขค่าสายตาโดยการใช้เลเซอร์ที่ทันสมัย จะแยกชั้นกระจก ทำให้มีความแม่นยำสูง ซึ่ง เฟมโต จะโดดเด่นในเรื่องความแม่นยำนี้เป็นอย่างมาก และ แน่นอนว่าความเสียงเสียงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ มีต่ำมาก 

ข้อจำกัดของวิธีนี้คือ ตาจะแห้งมากหลังผ่าตัว แผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยผู้เข้ารับการผ่าตัด จะต้องระวังอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับดวงตาด้วย 


5.การทำ พีอาร์เค PRK

การทำ พีอาร์เคจะเป็นการปรับแก้ไขค่าสายตาโดยการปรับแต่งความโค้งกระจกตาด้านนอก โดยไม่ต้องเปิดชั้นกระจกตา การทำพีอาร์เคนั้น เป็นการผ่าตัดรักษาค่าสายตาวิธีเดียว ที่ผู้มีอาชีพที่อาจจะก่ออุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตาสามารถทำได้ นั่นก็คือ ทหาร ตำรวจ และ นักบิน 

ส่วนข้อกำจัดที่ไม่สามารถผ่าตัดรักษาค่าสายตาด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ตาแห้งเกินไป กระจกตาบางเกินไป โดยผู้ที่ตาแห้ง หรือ กระจกบาง หากได้รับการยืนยันจากจักษุแพทย์แล้ว ก็สามารถรักษาด้วย PRK ได้ หลังจากผ่าตัดจะต้องใส่คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษเอาไว้ระยะหนึ่ง เพื่อให้ดวงตาสร้างเยื้อหุ้มกระจกตาขึ้นมาใหม่ ระหว่างที่ดวงตาไม่มีเยื่อหุ้มกระจกตา สามารถทำให้ผู้เข้ารับการรักษาระคายเคืองได้มากกว่าการทำเลสิควิธีอื่นนั่นเอง


6.การทำ ICL 

ICL เรียกแบบเต็มได้ว่า Implantable Collamer Lens เป็นการแก้ไขค่าสายตา โดยการใส่เลนส์เทียมเข้าไปที่หน้าเลนส์ของผู้ที่เข้ารับการรักษา เพื่อปรับการหักเหของแสง ให้ค่าสายตาหายไป โดยการทำ ICL จะเป็นวิธีการผ่าตัดรักษาค่าสายตาที่ปลอดภัยอย่างมาก เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าการทำเลสิกอื่น ๆ
สำหรับแผลจากการทำนั้นมีขนาดเล็กเพียง 3 มิลลิเมตร เท่านั้น ใช้เวลาการผ่าตัดเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น ที่สำคัญผู้ที่ตาแห้ง หรือ กระจกตาบาง ก็สามารถรักษาด้วยวิธีนี้ได้เช่นกัน แต่มีข้อจำกัดก็คือ ความดันตาอาจจะผิดปกติในช่วงหลังการผ่าตัด แต่ทว่าในช่วงที่ดูแลโดยแพทย์นั้น การรักษาจึงไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อผู้ผ่าตัดแน่นอน 

แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มองถึงการรักษาผ่าตัดแบบ ICL, PRK, Femto LASIK, รีแลกซ์สมายล์, LASIK รวมทั้ง การใส่คอนแทคเลนส์ แต่ใครที่มีความจำเป็นต้องใส่แว่น พวกเราก็มีเรื่องราวดี ๆ มาบอกต่อ กับ เคล็ดลับการเลือกทรงแว่นตาผู้ชายยังไงให้เข้ากับหน้า บอกเลยว่าหน้าตาแบบไหน เลือกทรงแว่นให้ถูก แล้วคุณจะดูดีขึ้นในทันที 


เคล็ดลับการเลือกทรงแว่นตาผู้ชายยังไงให้เข้ากับหน้า

ความไม่มั่นใจเมื่อจะต้องใส่ แว่นตาผู้ชาย เป็นทุกคน เพราะด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับการใส่แว่น รวมทั้งถูกมองว่าใส่แล้วหน้าตาจะดูไม่ถูกโฉลก สำหรับคุณผู้ชายแล้ววันนี้ไม่ควรพลาด เพราะพวกเราได้รวบรวม เคล็ดลับการเลือกทรงแว่นตาผู้ชายยังไงให้เข้ากับหน้า บอกเลยว่าไม่ว่าทรงหน้าแบบไหน ก็รับมือได้หมด ดังนั้นการเลือกแว่นตาผิด ก็จะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป แต่ถ้าเลือกแล้วเข้ากับหน้าตา ก็ถือได้ว่าเป็นอีกคนที่ดูดีอย่างแน่นอน หากคุณเป็นคนซีเรียสกับการแต่งตัวคุณอาจสนใจบทความนี้ สไตล์รองเท้าสำหรับผู้ชาย


ทำความเข้าใจกับ ลักษณะใบหน้า 

แว่นตาผู้ชาย

สำหรับใบหน้าของผู้ชาย ก็จะมีด้วยกันหลากหลายทรง โดยจะแบ่งออกเป็นดังต่อไปนี้

  • Oval Face Shape หน้ารูปไข่
  • Hexagonal Face Shape หน้าทรงหกเหลี่ยม
  • Square Face Shape หน้าทรงเหลี่ยม
  • Round Face Shape หน้าทรงกลม
  • Rectangle Face Shape หน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า
  • Oblong Face shape หน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่หน้าผากและคางวงรี
  • Heart Shape หน้าทรงหัวใจ
  •  Triangle Shape หน้าสามเหลี่ยม
  • Tear Drop Face Shape หน้าทรงหยดน้ำ
  • Diamond Face Shape หน้าทรงเพชร 

Oval Face Shape / หน้ารูปไข่ และ Hexagonal Face Shape / หน้าทรงหกเหลี่ยม

สำหรับคนหน้ารูปไข่นั้น หน้าจะมีรูปเป็นทรงรี สมส่วนโดยธรรมชาติ ส่วนหน้าแบบทรงหกเหลี่ยม ตรงโหนกแก้มนั้นจะกว้างกว่าที่คาง โดยทั้ง 2 แบบหน้านี้จะใช้หลักการเดียวกันในการเลือกกรอบแว่นที่เข้ากับใบหน้า ซึ่งควรจะเลือก กรอบแว่นที่ขอบบนสมดุลกับทรงคิ้ว หน้าผาก ส่วนขอบล่างของแว่นนั้น ให้สมดุล กับรูปทรงของคาง กับ กราม โดยจะสามารถเลือกกรอบแว่นสายตา แบบทรงกลม หรือ ทรงเหลี่ยม รวมทั้งทรง   Cateye ก็ได้เช่นกัน โดยแต่ละแบบจะเน้นที่ความสมดุลกับรูปหน้าเป็นหลักนั่นเอง 

สำหรับคนหน้ารูปไข่ กับ หน้าทรงหกเหลี่ยม จะต้องหลีกเลี่ยงกรอบแว่นขนาดใหญ่ เพราะว่าจะทำให้ใบหน้านั้นดูเล็กเกินไป 


Square Face Shape / หน้าทรงเหลี่ยม

สำหรับคนที่ใบหน้าทรงเหลี่ยม ตัวรูปหน้าจะมีความกว้าง และ สูงที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นควรจะต้องเลือกกรอบแว่นสายตา ที่ส่วนกว้างของกรอบเท่ากับส่วนที่กว้างที่สุดของใบหน้า เพราะจะทำให้หน้าดูยาวขึ้น รวมทั้งดูไม่ตันด้วย ส่วนขาแว่นก็ควรจะอยู่ใกล้ด้านบนสุดของกรอบแว่นสายตา รวมทั้งใช้กรอบเซาะร่อง จะช่วยให้ใบหน้าดูยาวขึ้นได้นั่นเอง 

สำหรับคนทรงหน้าเหลี่ยมนั้น จะต้องหลีกเลี่ยง ขาแว่น กับ กรอบแว่นที่หนา เพราะจะทำให้ใบหน้าดูแคบ อีกทั้งกรอบแว่นสายตาแบบทรงจะใหญ่ กับ ลึกด้วย 


Round Face Shape / หน้าทรงกลม

สำหรับคนหน้าทรงกลม จะมีความกว้างของแก้มมาก มีรูปคางที่โค้งกลม ควรเลือกกรอบแว่นสายตาที่ส่วนกว้างของกรอบเท่ากับส่วนที่กว้างที่สุดของใบหน้า ตัวขาแว่นควรจะอยู่ใกล้ด้านบนสุด ของกรอบแว่นสายตา จะทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้น สมดุลมากขึ้นด้วย ส่วนกรอบแว่นสายตาที่ดูบาง ไม่หนา จะทำให้ใบหน้าไม่ดูแคบจนเกินไป

สำหรับคนทรงหน้ากลมนั้น ควรหลีกเลี่ยงกรอบแว่นสายตาทรงกลม เล็ก เพราะจะทำให้แก้ม ดูหนักขึ้นด้วย  


Rectangle Face Shape / หน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า

สำหรับคนที่มีทรงหน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัวรูปใบหน้าจะยาว หน้าผาก กับ กรามขากรรไกรเป็นมุมฉาก ควรจะต้องเลือกกรอบแว่นสายตาที่มีความลึก พร้อมทั้งขนาดของกรอบที่ใหญ่ เพื่อลดความยาวของใบหน้าลง ช่วยทำให้ใบหน้าดูกว้างขึ้น สัดส่วนของใบหน้าจะสมดุลมากขึ้นด้วย

ส่วนที่ต้องหลีกเลี้ยงเลยก็คือ กรอบแว่นสายตาแบบเซาะร่อง ที่เล็ก แคบ เพราะว่าจะทำให้ใบหน้าของเรานั้นดูยาวขึ้นไปอีกนั่นเอง 


Oblong Face shape / หน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่หน้าผากและคางวงรี 

สำหรับคนที่มีทรงหน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่หน้าผากและคางวงรี ตัวรูปหน้าจะยาว มีโหนกแก้มอยู่ด้านบน ควรที่จะเลือกกรอบแว่นสายตาที่มีความลึก กรอบใหญ่ เพื่อลดความยาวของใบหน้า ซึ่งจะช่วยให้หน้าดูกว้างขึ้น ส่วนจุดสำคัญเลยก็คือ ตรงส่วนบนของกรอบแว่น จะต้องสมดุลกับทรงคิ้ว หน้าผาก และ ส่วนล่างก็จะต้องสมดุลกับรูปคาง 

จะต้องหลีกเลี่ยงการในกรอบแว่นสายตาแบบเซาะร่อง เพราะจะเล็ก แคบ ทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้นไปอีก 


Heart Shape / หน้าทรงหัวใจ และ Triangle Shape / หน้าสามเหลี่ยม

สำหรับทรงหน้าหัวใจ กับ ทรงสามเหลี่ยม จะมีจุดคล้ายกันก็คือ หน้าผากจะกว้าง ส่วนกราม กับ คางจะแคบ แต่หน้าทรงหัวใจตรงหน้าผากจะมีความละมุม ไม่แหลมเหมือนหน้าสามเหลี่ยม โดยจะต้องเลือกกรอบแว่นสายตาที่ไม่ทำให้หน้าดูกว้างไปมากกว่านี้ เลือกกรอบแว่นที่มีความกว้างเท่ากับด้านที่กว้างสุดของใบหน้า ดังนั้นการเลือกกรอบแว่นสายตาสีอ่อน หรือ ใช้แบบไม่มีขอบไปเลยจะดีกว่า 

ส่วนสิ่งต้องห้ามของกรอบแว่นสายตากับรูปหน้าแบบนี้คือ ทรงด้านบนกว้าง ตัวอย่างเช่นทรง Cat Eye 


Tear Drop Face Shape / หน้าทรงหยดน้ำ

โดยสำหรับทรงนี้จะมีบริเวณหน้าผากที่กว้าง ออกมาจนถึงแนวกราม จะเน้นให้เลือกกรอบแว่นสายตาที่กว้างเท่ากับแก้ม หรือ กราม จะทำให้หน้าผากนั้นดูกว้างขึ้น สมดุลกับแก้ม ซึ่งการเลือกกรอบที่มีรายละเอียดครึ่งบนของกรอบ หรือ กรอบแว่นสายตา ที่ไม่มีขอบ จะดีกว่า ควรหลีกเลี่ยงกรอบแว่นสายตาที่ดูหนักช่วงล่าง


Diamond Face Shape หน้าทรงเพชร 

สำหรับใบหน้าในลักษณะนี้ จะมีคางที่แหลม พร้อมทั้งกระดูกแก้มที่ใหญ่ ควรที่จะเลือกกรอบแว่นสายตาที่กว้างเท่ากับแก้ม หรือ กราม จะช่วยพรางรูปหน้าให้มีสัดส่วนที่ดีขึ้น เพราะว่าใบหน้าแบบนี้ ตรงแก้ม กับ กรามจะกว้างที่สุด ดังนั้นควรที่จะเลือก กรอบที่มีรายละเอียดครึ่งบนของกรอบ หรือ กรอบแว่นสายตา ที่ไม่มีขอบ ควรหลีกเลี่ยงกรอบแว่นสายตาที่ดูหนักช่วงล่าง


เรื่องราวของสายตา ที่เป็นเหมือนส่วนสำคัญของชีวิต แน่นอนเลยว่าตัวเราเองก็ต้องหันมาดูแลสุขภาพตากันด้วย เพราะในปัจจุบันนี้ ดวงตา ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะสายตาสั้น สายตายาว หรือ สายตาเอียง ก็จะต้องไปตรวจวัดเพื่อใส่แว่นสายตา หรือ ถ้าใครไม่อยากที่จะใส่แว่น ก็ต้องหาวิธีรักษาผ่าตัดแบบ ICL, PRK, Femto LASIK, รีแลกซ์สมายล์, LASIK รวมทั้ง การใส่คอนแทคเลนส์ แต่ละแบบก็จะมีข้อจำกัด รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่าเช่นเดียวกัน แต่สำหรับคนใส่แว่นก็ต้องเลือกกรอบแว่นให้เข้ากับรูปหน้า จะได้เสริมบุคลิกให้ดูดีขึ้นด้วยนั่นเอง นี่แหละคือเรื่องของคนใส่แว่น คิดจะใส่แว่นก็คงจะต้องศึกษาเรื่องนี้เอาไว้ด้วย เชื่อเลยว่าจะเป็นข้อมูลสำคัญที่จะทำให้ คำถามเรื่องการตัด แว่นตาผู้ชาย ปัญหาเรื่องสายตา ได้เข้าใจให้กระจ่างทั่วกัน นี่แหละคือโลกของคนใส่แว่น นอกจากแว่นตาจะทำให้ใบหน้าดูเปลี่ยนแปลงแล้วรองเท้าก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน ซึ่งคุณอาจสนใจบทความนี้ ทริคใส่รองเท้าหุ้มส้น


สัญญาณที่บอกว่าคุณน่าจะต้องไปตัดแว่น (rutnin.com)

สายตาสั้น 50 75 150 200 300 ควรใส่แว่นไหม? รักษาอย่างไรได้บ้าง?: Samitivej Chinatown Hospital

สวมแว่นแล้วดูดี หน้าไม่แก่ มีความมั่นใจ วิธีเลือกแว่นให้เข้ากับหน้า (occuravision.com)