เพิ่มสมรรถภาพเพศชายธรรมชาติ ด้วย 5 เคล็ดลับเพิ่มความฟิต
สำหรับผู้ชายแล้ว อีกหนึ่งปัญหาเมื่ออายุมากขึ้น นอกจากอาการเจ็บป่วยที่เสี่ยงเป็นโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก หรือ โรคเบาหวาน ความดันโลหิต ที่เกิดขึ้นตามอายุขัยแล้วนั้น ยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่จะประมาทไปไม่ได้นั่นก็คือ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แน่นอนว่าจะเกิดปัญหาแน่สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตคู่ รวมทั้งผู้ที่รักในความเป็นชายมาก ๆ เมื่อวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จะทำให้อารมณ์ จิตใจ รวมทั้งการใช้ชีวิตที่จะเปลี่ยนไป เพราะการไม่มีสุขในเรื่องเพศเป็นอีกหนึ่งปัญหาจริง ๆ ที่ต้องรีบแก้ไข สำหรับวันนี้พวกเราจึงได้รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาอธิบายให้ท่านชาย หรือ คนใกล้ชิดอ่านได้แบบเข้าใจง่าย ๆ เริ่มตั้งแต่สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ พร้อมกับพาไปรู้จักกับ “Testosterone” อีกหนึ่งฮอร์โมนที่ส่งผลให้สมรรถภาพทางเพศชายลดลงด้วยเมื่ออายุมากขึ้น แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังมีตัวช่วยด้วยวิธี เพิ่มสมรรถภาพเพศชายธรรมชาติ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านกันได้ในบทความนี้
เปิดสาเหตุปัญหากวนใจ ทำไมสมรรถภาพเพศชาย ถึงลดลง
ปัญหากวนใจของคุณผู้ชาย ก็คือ อาการที่เรียกกว่า “ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ” โดยในภาวะนี้จะรู้จักกันในชื่อ ED หรือ erectile dysfunction ซึ่งเป็นศัพท์ทางการแพทย์หมายถึง ภาวะที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้อย่างเพียงพอ หรือ ไม่สามารถคงการแข็งตัวได้นานขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือ ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์จนเสร็จภารกิจได้ ถึงแม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะดูไม่อันตรายมากก็ตาม แต่เป็นจุดกำเนิดของปัญหาต่าง ๆภายในชีวิตคู่ ความสุขภาพเพศ แน่นอนว่ามันส่งผลถึงปัญหาทางครอบครัวด้วยเช่นกัน
เปิดใจสาเหตุ ของภาวะ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
สำหรับสาเหตุที่แท้จริงของภาวะ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดร่วมกันระหว่างโรคทางกาย กับ ปัญหาทางด้านจิตใจ ซึ่งจะพบว่าสาเหตุหลักก็คือ การที่เลือดนั้นไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ เพราะว่าในปกติแล้วการรักษาจะเริ่มจากการตรวจร่างกาย การซักประวัติ โดยอาจจะเกิดขึ้นได้จากสาเหตุของโรคประจำตัว ความเครียด รวมทั้งฮอร์โมนของเพศชายอย่าง “เทสโทสเตอโรน” ที่ลดลง แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจจะต้องตรวจเพิ่มเติม และ ต้องแจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือ อาการทั้งหมด
ผู้ที่เสี่ยง ของภาวะ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
สำหรับในเรื่องการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั้น โดนตรงแล้ว ผู้ที่มีอายุมาก จะเป็นปัจจัยสำคัญ เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นจะทำให้เกิดภาวะ ED ได้ จากสถติได้ระบุข้อมูลเอาไว้ว่ามีโอกาสเป็นเปอร์เซ็นต์ดังนี้
- ในผู้ชายที่อายุต่ำกว่า 40 ปี พบว่ามีภาวะ ED ประมาณ 5%
- ในผู้ชายอายุต่ำกว่า 40 ปี พบว่ามีภาวะ ED ประมาณ 50%
สภาพสังคม กับ เศรษฐกิจ ก็เป็นปัญหาสำหรับกลุ่มคนที่ฐานะทางการเงินไม่ดี ก็พบได้มากเลยเกี่ยวกับภาวะ ED รวมทั้งอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เป็นภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั่นก็คือ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือ โรคเรื้อรัง ตัวอย่างเช่น
- โรคความดันโลหิตสูง จะเกิดภาวะ ED ได้ร้อยละ 62 เพราะเมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีความดันโลหิตสูง พบว่า 8-10% ของผู้ป่วยจะมีการได้รับวินิจฉัยว่ามีความดันโลหิตสูงจะมีภาวะ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศร่วมด้วย
- โรคหัวใจ และ หลอดเลือด ซึ่งจะพบว่ามีผลทำให้เกิดภาวะ ED ในระดับสูงมากถึง ร้อยละ 13.2%
- โรคเบาหวาน ถือได้ว่าเป็นโรคที่ทำให้เกิดภาวะในการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศสูงถึง 74.7% เมื่อนำไปเทียบกับคนที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน
ดังนั้นจึงสรุปได้เลยว่าผู้ที่มีโรคประจำตัวทั้ง 3 โรคที่กล่าวถึงไปนั้น มักจะมีภาวการณ์เสื่อมสมรรถภาพทางเพศร่วมด้วยทุกราย อย่างไรก็ตามการรักษา หรือ การมีภาวะอื่น ๆ ก็เป็นสาเหตุทั้งทางตรง ทางอ้อมได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
- ผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดมาก่อน ตัวอย่างเช่น การผ่าตัดทางท่อปัสสาวะ หรือ การได้รับอุบัติเหตุที่ไขสันหลัง การผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน การได้รบอุบัติเหตุบริเวณอุ้งเชิงกราน ก็ทำให้เกิดภาวะ ED ได้เช่นเดียวกัน
- การรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลให้สะสม เกิดภาวะ ED ได้ในระยะยาว
- ผู้ที่มีภาวะ พร่องฮอรโมนเพศชาย หรือตัว “เทสโทสเตอโรน”
- ผู้ที่มีพฤติกรรมในการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นประจำ และ ไม่มีการออกกำลังกาย
- ผู้ที่มีภาวะทางจิตใจที่ไม่ปกติ มีภาวะโรคซึมเศร้าร่วม โดยจะพบว่ามีการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศสูงถึงร้อยละ 50 – 90 % เลยทีเดียว
สำหรับตัวอย่างของการเกิดภาวะ ED ก็จะมีการป้องกันภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ก็คือ จะต้องเริ่มต้นที่รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งร่างกาย จิตใจ มีการพักผ่อนที่เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะทำลายสุขภาพในทุกช่องทาง แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะนี้แล้วก็สามารถรักษาด้วยทางการใช้ยาทางการแพทย์ รวมทั้งวิธีทางธรรมชาติได้ด้วยเช่นกัน
การรักษา ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
สำหรับการรักษา ก็จะมีทั้งแบบการใช้ยา ใช้อุปกรณ์ช่วย รวมทั้งวิธีธรรมชาติด้วย แต่ทว่าผู้ที่เป็นภาวะนี้ก็จะต้องใช้จิตใจที่เข้มแข็ง ความอดทน ความสม่ำเสมอ ในการรักษาด้วย ซึ่งการรักษาด้วยการใช้ยาจะมีดังต่อไปนี้
1.การใช้ยายับยั้งการทำงานของเอนไซม์ phosphodiesterase type 5
สำหรับการใช้ยารักษาชนิดนี้ จะเป็นทางเลือกแรกของการรักษา ไม่มีข้อห้าม แต่จะมีอาการข้างเคียงของตัวยา ที่จะทำให้ปวดศีรษะ มีการมองเห็นผิดปกติ มีอาการร้อนวูบวาบ และ อาจจะปวดเมื่อยเนื้อตัว
2.การรักษาด้วยการฉีดยาที่ “องคชาติ”
การรักษาด้วยวิธีนี้ จะเป็นตัวยาชนิดที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งจะนำเลือดนั้นเข้าสู่อวัยวะเพศชายจนเกิดการแข็งตัวได้ พร้อมกับจะแข็งได้นานถึง ครึ่งชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
3.การรักษาด้วยยาสอดเข้าทางท่อปัสสาวะ
โดยวิธีนี้จะใช้ยาตัวเดียวกันกับ ยาที่ฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศ แต่ทว่าจะเป็นรูปแบบเม็ดเล็ก ๆ สอดเขาไปทางท่อปัสสาวะ หลังจากคลึงอวัยวะเพศประมาณ 5-10 นาที ยาก็จะซึมเขาอวัยวะเพศ พร้อมทั้งแข็งตัวขึ้นมาได้
4.การรักษาด้วยกระบอกสุญญากาศ
สำหรับวิธีนี้ จะนำกระบอกสุญญากาศเขามาสวมที่อวัยวะเพศชาย หลังจากนั้นทำการปั้มอากาศจะถูกปั้มออกจากท่อพลาสติกที่สวมเข้าไปภายในเวลา 2-3 นาที เลือดจะถูกดึงให้เข้าไปที่เนื้อเยื่อแทน ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได เมื่อแข็งเต็มที่แล้ว จะต้องถอดกระบอกสุญญากาศออก แล้วนำยางที่รัดฐานของอวัยวะเพศชาย เพื่อช่วยให้ยังคงแข็งตัวต่อไปได้
สำหรับทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นวิธีการรักษาในแบบฉบับทางการแพทย์ ทั้งการกินยา ฉีดยา รวมทั้งใช้อุปกรณ์ในการช่วยให้อวัยวะเพศสามารถแข็งตัวได้ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้นไม่ได้เป็นเรื่องแปลกในผู้ชายสูงวัย แต่ทว่าอายุก็ไม่ใช่สาเหตุเสมอไป เพราะผู้ป่วยบางคนก็มีปัญหาสุขภาพแฝงอยู่ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงวัยกลางคน ไปจนถึงวัยสูงอายุเลยทีเดียว
ดังนั้นแล้วเมื่อเกิดปัญหา การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ คุณผู้ชายทั้งหลายจะต้องรีบเข้าไปปรึกษาแพทย์ทันที ถ้ายังมัวแต่อายอยู่ ก็อาจจะเสียโอกาสในการรักษา เพราะยิ่งรักษาเร็วมากเท่าไหร่ก็จะหายดีได้มากเท่านั้น หรืออาจลองค้นหาอาหารเสริมสรรถภาพผู้ชายมารับประทานดูได้ อีกทั้งยังสามารถหาสาเหตุอื่นได้อีกเช่น โรคทางเดินปัสสาวะ หรือ โรคอื่นที่มีโอกาสเกิดได้ในอวัยวะเพศชาย หรือว่าคุณอาจจะเป็นโรค พร่อง Testosterone ด้วยก็เป็นได้
รู้จักฮอร์โมนเพศชาย ‘เทสโทสเตอโรน’ ฮอร์โมนสำคัญ
หลังจากที่ได้เจอสาเหตุของภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปแล้ว ก็คงจะพอเข้าใจกันดีว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับคุณผู้ชายทุกช่วงอายุ เพราะว่านอกจากเรื่องปัจจัยของอายุมากแล้ว การมีโรคร้ายแรง หรือ ปัญหาสุขภาพอื่นที่แอบแฝงก็จะทำให้เกิดภาวะนี้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในบางคนอาจจะยังไม่รู้ตัวเลยว่า ฮอร์โมนที่สำคัญของคุณผู้ชายอย่าง Testosterone เทสโทสเตอโรน อาจจะลดลงอยู่ก็ได้
รู้จัก Testosterone
สำหรับ Testosterone นั้น จะเป็นฮอร์โมนเพศที่สำคัญของคุณผู้ชาย ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนชนิดนี้ขึ้น เพื่อพัฒนาเนื้อเยื่อสืบพันธ์ของผู้ชาย ได้แก่ อัณฑะ กับ ต่อมลูกหมาก อีกทั้งยังเป็นส่วนช่วยให้ผู้ชายมีความเป็นชายก็คือ มีมวลกระดูกที่หนา ขนดก มีกล้ามเนื้อ เป็นต้น ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกับฮอรโมนตัวนี้ให้มากขึ้นว่าสำคัญต่อร่างกายอย่างไร
Testosterone สร้างจากที่ไหน
สำหรับ Testosterone นั้น จะถูกสร้างขึ้นในร่างกายทั้งผู้ชาย หรือ ผู้หญิงเลย โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ชายจะผลิตจากอันฑะ ส่วนน้อยจากต่อมหมวกไต สำหรับในผู้หญิงจะผลิตในรังไข่ กับ ต่อมหมวกไต โดยผู้ชายจะมีระดับของฮอร์โมนนี้ที่สูงกว่าผู้หญิง 7-8 เท่า โดยผู้ชายจะผลิตมากกว่าผู้หญิงถึงวันละ 20 เท่า แต่การผลิตแต่รั้งนั้น จะอยู่ในร่างกายได้นาน 4-8 ชั่วโมง
Testosterone เปลี่ยนระดับ ไปตามวัย
อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องศึกษา เพราะว่า Testosterone นั้นจะเปลี่ยนไปตามวัย ตามช่วงเวลาดังต่อไปนี้
- ก่อนกำเนิด : ในช่วงนี้ Testosterone จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบของอวัยวะเพศ ท่อปัสสาวะ รวมทั้งขนาดของอัณฑะ อีกทั้งต่อมลูกหมวก ท่อน้ำเชื้อ ในตัวอ่อนเพศชาย ในวัยนี้ผลของฮอร์โมนเพศชายจะมีผลน้อยมาก
- วัยเด็กก่อนเจริญพันธุ์ :สำหรับในช่วงนี้ Testosterone จะยังไม่มีผลมากนักในเด็กเล็ก แต่จะเห็นได้ชัดในช่วงที่เริ่มโตเช่น ผิวมัน มีกลิ่นตัว มีขนมากขึ้น
- วัยเจริญพันธุ์ : สำหรับเด็กชายที่เข้าสู่วัยนี้ จะมีระดับฮอร์โมนที่มากกว่าผู้หญิง โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่น อวัยวะเพศชายขยายขนาด มีอารมณ์ทางเพศมากขึ้น ซึ่ง Testosterone จะมีส่วนที่ทำให้การเจริญเติบโตของร่างกายค่อยเป็นค่อยไป ทั้งผู้ชาย และ ผู้หญิงด้วยนั่นเอง อีกทั้งจะมีการสร้างมัดกล้าม ทำให้ผู้ชายมีไหล่กว้างขึ้น เสียงห้าว เป็นจุดที่ทำให้วัยรุ่นเริ่มมีความเป็นผู้ชายมากขึ้น
- วัยผู้ใหญ่ขึ้นไป : สำหรับในวัยผู้ใหญ่ Testosterone จะมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการสร้างสเปิร์มสืบพันธุ์ อีกทั้งระบบกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายพัฒนาไปตามวัยพร้อมที่จะสืบพันธุ์นั่นอง
จะสังเกตได้เลยว่า Testosterone นั้น จะมีการค่อยๆ มีบทบาทในช่วงเวลาเด็ก มีบทบาทหน้าที่ในช่วงวัยรุ่น เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์กับวัยผู้ใหญ่ ฮอร์โมนชนิดนี้จะมีบทบาทอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาระบบสืบพันธุ์ รวมทั้งร่างกายอย่างเต็มที่ ก่อนที่คุณจะอายุมากขึ้นในวัย 40 ปีขึ้นไป ฮอรโมนชนิดนี้จะเริ่มลดลง จะเรียกได้ว่าเป็น “ผู้ชายวัยทอง” ได้เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อทุกอย่างลดลง อาการอื่น ๆ ก็จะเข้ามาแทน เช่น หงุดหงิดง่าย การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น โดยผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายลดลงก็ยังส่งผลกระทบอีกหลายอย่างเลยทีเดียว
ผลกระทบเมื่อ ฮอร์โมนเพศชาย ลดลง
ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวสำหรับคุณผู้ชาย เพราะว่าผลกระทบเมื่อ ฮอร์โมนเพศชายลดลง จะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายในหลายทางมาก หรือ จะเรียกไดว่าเป็นผู้ชายวัยทองยังได้เลย ดังนั้นแล้วเมื่ออายุมากขึ้น ภาวะฮอร์โมน Testosterone จะลดลงเป็นอย่างมากจะส่งผลให้คุณผู้ชายนั้นจะมีอาการดังต่อไปนี้
- กระสับกระส่าย
- หงุดหงิด ง่าย ไม่กระฉับกระเฉง
- เฉื่อยชา มองโลกในแง่ร้าย
- กล้ามเนื้อ ลีบลง
- สะสมไขมันมากขึ้น
- นอนไม่หลับ
- สมองไม่เฉียบคม
- อารมณ์แปรปรวน
- ความต้องการทางเพศ ลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวได้ไม่เต็มที่
- ขาดความมั่นใจ
- อาการซึมเศร้าร่วมด้วย
แน่นอนเลยว่ายังมีอีกหนึ่งอาการนั่นก็คือ อ้วนลงพุง จะทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงมากมาย เพราะเมื่อขาดการออกกำลังกายก็จะทำให้ไขมันสูง ดังนั้นจะทำให้เข้าไปอุดตันในเส้นเลือด หรือ ในจุดต่าง ๆ ได้ กลายเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ นี่แหละคือจุดกำเนิดโรคที่จะทำให้ชีวิตของคุณนั้นเปลี่ยนไป รวมถึงยังอาจทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ เช่นการร้องไห้หนักมากหลังมีเซ็กส์ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ก็ยังมีวิธีในการบำรุงร่างกายอยู่ด้วยหลายวิธี ซึ่งแน่นอนว่าคุณเองเริ่มทำได้เองตั้งแต่วันนี้เลยด้วย
5 เคล็ดลับ เพิ่มสมรรถภาพเพศชายธรรมชาติ
ถ้าหากว่าคุณเองยังไม่อยากที่จะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศก่อนวัยอันควร เพราะว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญกับความสุขทางเพศ รวมทั้งการใช้ชีวิตคู่อีกด้วย ดังนั้นแล้วพวกเราจึงได้รวบรวม 5 เคล็ดลับ การเพิ่มสมรรถภาพทางเพศชายแบบธรรมชาติ ไม่ต้องใช้ยารักษา ซึ่งจะมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
1.การออกกำลังกายแบบวิธี Weight training
การออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ จะเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดเลยทีเดียว เพราะเป็นการเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้อย่างดี มีการวิจัยออกมาแล้วว่า ผู้ชายที่มีน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน การออกกำลังกายแบบนี้ จะทำให้ได้ประโยชน์มากกว่าการลดน้ำหนักในแบบอื่น แน่นอนว่าวิธีออกกำลังกายแบบ Weight training เป็นการฝึกด้วยแรงต้าน เช่น การยกน้ำหนัก เป็นต้น
2.การลดความเครียด
ความเครียด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุเลยที่คุณต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ อีกทั้งจะทำให้ฮอร์โมนของเพศชาย ลดลง เรียกได้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติแล้ว ก็จะทำให้ฮอร์โมนเพศอย่าง “เทสโทสเตอโรน” ทำงานไม่ดี หรือ ผลิตออกมาน้อยลงด้วย ซึ่งจะส่งผลให้สภาพร่างกาย จิตใจ ไม่แข็งแรง แต่ถ้าหากว่าคุณลดความเครียดได้ ร่างกายจะดีขึ้นอย่างทันตาเห็นอย่างแน่นอน ดังนั้นใครที่เครียดอยู่ค่อย ๆ หาสิ่งคลายเครียด ลดความกังวลลง จะทำให้ฮอร์โมนชนิดนี้ทำงานได้ดีขึ้น
3.นอนหลับ ให้เพียงพอ
การนอนน้อยส่งผลหลายอย่างต่อร่างกาย เพราะว่าการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ก็จะทำให้เกิดภาวะความกังวล ความเครียดสะสม ทำให้บางครั้งก็นอนไม่หลับ เมื่อเกิดภาวะนี้ก็จะส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดปกติ ฮอร์โมนบางชนิดทำงานผิดเวลา รวมไปถึงฮอร์โมน เทสโทสเตอโรน ก็จะผลิตออกมาน้อยลงด้วย ดังนั้นแล้วใครที่นอนไม่ถึง 8 ชั่วโมง ขอแนะนำว่าให้พักผ่อนให้พอดี ไม่เช่นนั้นแล้ว สุขภาพของคุณก็จะแย่ตามลงไป อาจจะส่งผลกระทบมากกว่าการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแน่นอน
4.การรับประทานอาหาร ที่ดี
คำว่า การรับประทานอาหารที่ดี จะหมายถึงทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ให้มีหมู่ใดมีมากกว่าปกติ เช่น การกินคาร์บ ก็ควรที่จะอยู่ในตัวเลขที่พอดี การทานโปรตีน หรือ ไขมัน ก็ต้องจัดอยู่ในความพอดีด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเป็นไปได้ จะต้องลดบริโภคของมัน ของหวาน ของเค็ม เลือกรับประทานธัญพืชไม่ขัดสี รวมทั้งผักผลไม้ให้มากขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้รับประทาน
5.ลดปริมาณดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่
อีกหนึ่งปัญหาของคุณผู้ชายติดบุหรี่ ถ้าหากว่าไม่อยากให้สมรรถภาพทางเพศลดลง จำเป็นมากที่จะต้องเลิกซะตอนนี้ หรือจะค่อย ๆ เลิกก็ได้เช่นกัน เพราะว่าบุหรี่มีสารพิษที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ รวมทั้งควันบุหรี่ยังทำร้ายคนรอบข้างด้วย ส่วนอีกหนึ่งประเด็นคือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าหากว่าคุณเองดื่มเป็นประจำ ก็จำเป็นมากที่จะต้องลดลง เพราะว่าจะทำให้เป็นส่วนหนึ่งของโรคความดันโลหิต เบาหวาน แน่นอนเลยว่ามันจะทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นไปได้ควรที่จะค่อย ๆ ลดลง ไปจนถึงเลิกสิ่งเหล่านี้เด็ดขาด แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ก็ถือได้ว่าคุณได้ลดความเสี่ยงอยู่แล้ว
อย่ามองว่าปัญหานี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ถือได้ว่าผู้ที่ประสบพบเจอไม่ได้เพียงแค่ อวัยวะเพศไม่แข็งเพียงอย่างเดียว แต่ส่งผลให้สุขภาพร่างกายในส่วนอื่นได้รับผลกระทบด้วย เช่น การเกิดความเครียด อารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย อีกทั้งขาดความมั่นใจ จนอาจจะเกิดเป็นภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน อีกหนึ่งปัญหาใหญ่เลยก็คือชีวิตคู่ หรือ ความสุขทางเพศโดยถ้ายังไม่รักษา หรือ ปล่อยปะละเลย ก็อาจจะส่งผลกระทบให้ไม่ราบรื่นได้ ส่วนใครที่เกิดปัญหานี้ไม่ควรอาย จะต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวางแผนการรักษา เพราะยิ่งรู้ตัวเร็ว การรักษาก็จะยังทำได้ไม่ยาก และ สุดท้ายถ้าหากว่าคุณเองได้ทำตามครบทั้ง 5 ข้อเคล็ดลับการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศแบบธรรมชาติแล้ว ก็ยังไม่มีเรื่องที่น่าเป็นห่วง แต่ก็ขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เมื่อชีวิตดี ร่างกายก็จะดีตามไปด้วย และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ที่จะไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป
