กลิ่นตัวแรงผู้ชาย แก้ยังไงดี ? แนะนำวิธีลดกลิ่นตัว เพิ่มกลิ่นหอม
สิ่งสำคัญที่ทำให้คุณผู้ชายดูน่าสนใจ นอกจากเรื่องรูปร่าง หน้าตา แล้วนั้นก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งสำคัญนั่นก็คือเรื่องของ “กลิ่นตัว” นั่นเองครับ แน่นอนเลยว่าคุณเองก็ต้องเคยสัมผัสกับคุณผู้ชายตัวหอม ใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นเย้ายวนใจ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับคุณผู้ชายอย่างแน่นอน ทั้งดูอบอุ่น ใจดี รวมทั้งมีอีกหลากหลายกลิ่นที่ทำให้คุณกลายเป็นคนใหม่ที่เพศตรงข้ามให้ความสนใจ แต่อีกหนึ่งปัญหาหลักเลยสำหรับคุณผู้ชายบางคนที่มีกลิ่นตัวแรง ยิ่งวันไหนที่ทำงาน หรือ มีกิจกรรมหนัก ๆ กลิ่นก็จะแรงมากกว่าเดิมด้วย แน่นอนเลยว่าวันนี้พวกเราจึงได้รวบรวมวิธีลดกลิ่นตัวของคุณผู้ชาย พร้อมเปิดเผยเรื่องราวการเกิดขึ้นของกลิ่นในทุกสาเหตุแบบเจาะลึก พร้อมเรื่องสำคัญกับวิธีการแนะนำที่จะทำให้คุณตัวหอมน่าดมขึ้นมากกว่าเดิม รับรองเลยว่าบทความนี้ใครที่ประสบปัญหา กลิ่นตัวแรงผู้ชาย เช่นนี้อยู่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ถ้าคุณอยากเป็นคนใหม่ ก็ต้องเริ่มเปลี่ยนที่ตัวคุณเอง
กลิ่นตัวแรงผู้ชาย เกิดจากอะไร
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่มีคุณผู้ชายคนไหนอยากให้มันเกิดขึ้น นั่นก็คือปัญหาเรื่องของกลิ่นตัว ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นปัญหาที่ค่อนข้างหนักใจสำหรับคุณผู้ชายที่ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกัน หรือ เพศตรงข้าม เพราะการมีกลิ่นตัวแรง กลิ่นตัวเหม็น มักบ่งบอกถึงความสะอาดของคน ๆ นั้น นั่นเอง แต่ทว่าเรื่องนี้พวกเราต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น กับ การเกิดขึ้นของกลิ่นตัวที่จะสามารถอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ดังต่อไปนี้
กลิ่นตัวเกิดจาก ?
สำหรับกลิ่นตัวของเรานั้นจะเกิดขึ้นจากสารที่สร้างมาจากต่อมกลิ่น ซึ่งจะพบมากในบริเวณรักแร้ กับ หัวหน่าว โดยตัวกลิ่นนั้นจะพบได้ตั้งแต่เกิด แต่จะเริ่มทำงานให้ได้กลิ่นในช่วงวัยรุ่น ซึ่งจะมีหน้าที่ในการสร้างกลิ่นซึ่งเป็นแบบลักษณะทางเพศแบบหนึ่งที่เป็นเรื่องปกติทั่วไป สำหรับสารที่หลั่งจากต่อมกลิ่นนั้นจะประกอบไปด้วย กรดไขมันหลายชนิด ที่มีลักษณะเหลวข้นไม่มีกลิ่น เมื่อมีการหลั่งออกมาแล้วนั้นจะทำให้สารชนิดนี้ถูกเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้เปลี่ยนเป็นกลิ่นซึ่งนั่นก็คือ “แอมโมเนีย” และ “กรดไขมันสายสั้น” นั่นเอง สำหรับการเกิดกลิ่นตัวนั้นเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะพบได้อยู่แล้ว แต่ในช่วงวัยรุ่นของการใช้ชีวิตจะพบว่ามีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวกันให้เห็นแล้ว สำหรับบางคนก็อาจจะเกิดตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ที่อาจจะมีกลิ่นตัวแรงมากกว่าเด็กคนอื่นนั่นเอง
สรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว
สำหรับการเกิดกลิ่นตัวจะมีสาเหตุหลัก ๆ ที่ให้เหตุผลแบบเข้าใจง่าย รวมทั้งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดกลิ่นตัวนั้นจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- แบคทีเรียประจำถิ่นในจุดรักแร้ จะมีจำนวนมากขึ้น เพิ่มขึ้นจากความร้อน กับ ความชื้นของอากาศ ทำให้เกิดกลิ่นตัวที่แรง
- การสร้างเหงื่อที่เกิดจากต่อมเหงื่อในชนิด “อะโรครายน์” ซึ่งผู้ที่มีกลิ่นตัวจะมีต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังขนาดใหญ่ อีกทั้งมีเป็นจำนวนมาก โดยต่อมเหงื่อในจุดนี้จะถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนเพศชายอย่าง “เอนโดรเจน” อีกด้วย
แน่นอนเลยว่าทั้ง 2 วิธีคือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ รวมไปถึงการอธิบายเกี่ยวกับเรื่องของกลิ่นตัวได้เป็นที่ยอมรับนั่นเอง ส่วนปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดกลิ่นตัวที่รุนแรงนั้นจะมีทั้งหมด 5 ปัจจัยสำคัญดังนี้
1.การรับประทานอาหารรสจัด
สำหรับใครที่กลิ่นตัวแรง ต้องลองหันไปปรับเรื่องอาหารกันดูบ้าง เพราะแกงเผ็ด หรือ อาหารรสจัดมีส่วนผสมของกระเทียม หรือ ขมิ้น พร้อมทั้งเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เมื่อได้ผ่านกระบวนการย่อยก็จะเกิดแก๊สซัลเฟอร์มาปนอยู่กับออกซิเจนในเลือด โดยจะไปอยู่ตามรูขุมขนนั่นเอง ซึ่งถ้าหากว่าทานอาหารรสจัด ก็จะทำให้ร่างกายนั้นขับเหงื่อออกมาเป็นจุดใหญ่ที่ใต้วงแขนนั่นเอง ดังนั้นแล้วลดอาหารรสจัดก็จะช่วยให้ลดกลิ่นตัวได้เช่นเดียวกัน
2.คนที่เป็นโรคอ้วน
สำหรับคนที่เป็นโรคอ้วน หรือ มีภาวะน้ำหนักตัวเจอ มักจะพบว่ามีกลิ่นตัวที่แรงมากกว่าคนผอม เพราะว่าคนที่อ้วนนั้นจะมีโอกาสที่อวัยวะภายนอกที่ส่วนที่อับชื้น พร้อมทั้งสร้างกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์มากกว่าคนผอม ในส่วนของ รักแร้ ชั้นพุง ขาหนีบ ซึ่งในจุดดังกล่าวจะเป็นส่วนที่มีต่อมผลิตเหงื่อมากเลยทีเดียว
3.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ไม่ได้รับการรักษา ร่างกายก็จะเริ่มขับไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงานแทน ซึ่งจะส่งผลให้ระดับคีโตนในร่างกายนั้นสูงขึ้น หลังจากนั้นสิ่งที่ได้สะสมเอาไว้ก็จะเปลี่ยนกลายเป็นกลิ่นตัวนั่นเอง ซึ่งแน่นอนเลยว่าผู้ป่วยโรคอ้วน กับ โรคเบาหวานนั้นจะมีการส่งผลใกล้เคียงกัน
4.ยารักษาโรคบางชนิด
สำหรับยารักษาโรคบางชนิดก็สามารถทำให้มีกลิ่นตัวได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ยาลดไข้ หรือ มอร์ฟีน ที่สามารถทำให้เหงื่ออกจนเกิดกลิ่นตัวขึ้นได้นั่นเอง
5.ความเครียดของบุคคล
สิ่งที่ทำร้ายร่างกายมากที่สุดก็คือ “ความเครียด” นอกจากจะส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ ร่างกายทำงานไม่ปกติแล้ว ความเครียดยังส่งผลให้ต่อมเหงื่อชนิดนี้ ที่เรียกว่า “ต่อมอะโพไครน์” ซึ่งจะมีน้ำน้อยกว่าก็จริง แต่ดึงดูดแบคทีเรียได้สูงกว่า ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นได้มากกว่านั่นเอง
ทั้ง 5 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดกลิ่นตัวแรงนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับผู้ชายเพียงเท่านั้น แต่สำหรับคุณผู้หญิงก็สามารถเกิดกลิ่นตัวได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามใครที่ใกล้เข้าสู่ภาวะดังที่กล่าวมาก็ต้องหาวิธีที่จะดูแลตัวเองด้วย เพราะว่าการที่มีกลิ่นตัวแรงจะส่งผลต่อบุคลิกภาพที่สำคัญมากต่อการใช้ชีวิตเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้คิดอะไร แต่คนรอบข้างก็จะมองว่าคุณเองเป็นคนที่ไม่รักษาความสะอาดของร่างกายนั่นเอง ดังนั้นจะต้องมองหาวิธีป้องกัน ลดกลิ่นตัวที่ได้ผล
กลิ่นตัวแรงผู้ชาย ลดกลิ่นตัวอย่างไรดี
หลังจากที่ได้รู้จักการเกิดกลิ่นตัวแล้ว ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่คุณไม่สามารถเลี่ยงได้ ดังนั้นจะต้องมีวิธีลดกลิ่นตัวผู้ชาย รวมทั้งป้องกัน ลดกลิ่นตัว ด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งพวกเราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทั้งหมดเอาไว้ให้แล้วในบทความนี้ ซึ่งมีด้วยกัน 8 วิธีดังต่อไปนี้
1.การรักษาสุขอนามัย
เริ่มจากข้อแรก ถ้าหากว่าคุณเองเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง หรือ ไม่ค่อยจะสนใจความสะอาดภายในร่างกายสักเท่าไหร่ ถ้าเริ่มมีกลิ่นตัว คุณเองจะต้องล้างบริเวณรักแร้ให้บ่อยขึ้น เพราะว่าจะลดสารก่อกลิ่นที่หลั่งมจากต่อมกลิ่นได้เป็นอย่างดี รวมไปทั้งการเลือกใช้สบู่ที่ฆ่าเชื้อ ซึ่งจะลดปริมาณแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าการล้างก็ไม่ควรล้างบ่อยมากนัก อาจจะทำให้ผิวแห้ง ผิวบาง รวมทั้งเกิดการระคายเคืองด้วย
2.หลีกเลี่ยงพื้นที่ร้อน
การอยู่ในพื้นที่ร้อนจัด ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือ กิจกรรมต่างๆ จะส่งผลให้ต่อมเหงื่อทำงานอย่างหนัก จะทำให้มีเหงื่อออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้มีกลิ่นตัวที่แรงขึ้น
3.ใช้ยาระงับกลิ่นกาย
สำหรับผู้ที่มีกลิ่นตัวแรงนั้น จะต้องใช้ยาระงับกลิ่นกาย ซึ่งจะมีสารประกอบหลายอย่างที่ช่วยลดเหงื่อ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งสารที่ลดกลิ่นที่สร้างขึ้น โดนในส่วนประกอบของสารระงับกลิ่นกายนั้นก็จะมีน้ำหอมที่ช่วยลดกลิ่นตัว พร้อมทั้งเพิ่มความหอมได้
4.ใช้ยาระงับเหงื่อ
ในส่วนของผู้ที่มีเหงื่อออกมาก ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ยาระงับเหงื่อ โดยส่วนมากแล้วจะมีส่วนประกอบของโลหะ เช่น อลูมิเนียมคลอไรด์ โดยจะไปอุดท่อต่อมเหงื่อ ลดการหลั่งเหงื่อ จะทำให้ผิวหนังแห้ง รวมทั้งแบคทีเรียที่ก่อนตัวก็จะเติบโตได้ไม่ดี จะสามารถช่วยลดกลิ่นตัวได้นั่นเอง
5.การใช้น้ำหอม
การใช้น้ำหอม จะทำให้กลิ่นตัวของคุณเปลี่ยนไป อีกทั้งยังช่วยกลบกลิ่นที่แรง ๆ ให้หายไปด้วย แต่ทว่าการกลบกลิ่นตัวด้วยน้ำหอมจะต้องเริ่มต้นจากการชำระล้างร่างกายให้สะอาด รักษาสุขอนามัยอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นแล้วกลิ่นอาจจะตีกันจนน่าเวียนหัวได้ แต่ทว่าต้องระวังการฉีดน้ำหอมที่คุณอาจจะแพ้ หรือ ระคายเคืองผิวได้ ดังนั้นแล้ว คุณอาจสนใจบทความนี้ น้ำหอมผู้ชาย
6.โกนขนบริเวณรักแร้
สำหรับผู้ที่มีกลิ่นตัวแรง ให้แนะนำการโกนขนบริเวณรักแร้ เพราะจะป้องกันแบคทีเรีย รวมทั้งการสะสมของสารก่อกลิ่นที่เกิดขึ้นด้วย
7.ใช้สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
ผู้ที่มีกลิ่นตัวแรงจะต้องเน้นไปทางสบู่ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ มากกว่าสบู่ที่หอม หรือ บำรุงผิว เพราะคุณสมบัตินี้จะทำให้เชื้อแบคทีเรียมีโอกาสก่อตัวน้อยลง พร้อมทั้งลดการเกิดกลิ่นได้เป็นอย่างดีด้วย
8.การรักษาทางการแพทย์
การฉีดโบท็อกก็สามารถลดการก่อกลิ่นได้ เพราะจะลดการสร้างสารก่อกลิ่น รวมไปถึงการผ่าตัดเอาต่อมกลิ่นออก จะเป็นวิธีการรักษาทีได้ผลดี แต่อาจจะมีผลข้างเคียงหลังจากการรักษา ตัวอย่างเช่น การเกิดแผลเป็น หรือ การติดเชื้อ โดยวิธีนี้จะใช้เวลาในการรักษานานมาก อีกทั้งไม่ค่อยจะได้รับความนิยม เพราะการผ่าตัดเปิดผิวหนังดึงต่อมเหงื่อออกทีละอัน อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดด้วย
จะเห็นได้เลยว่าการรักษา การลดกลิ่นเหงื่อนั้น สามารถเริ่มต้นทำได้ด้วยตัวของคุณเอง การรักษาสุขอนามัยที่ดีอยู่ตลอดเวลา การใช้น้ำหอม ยาระงับกลิ่นกาย จะทำให้คุณมีกลิ่นตัวที่หอมขึ้น ลดกลิ่นเหม็นแรง ๆ ที่อาจจะเกิดกับคุณในช่วงเวลาที่เหงื่อคุณออกเยอะ พร้อมเพิ่มความมั่นใจในระหว่างวันได้ดีขึ้นด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตามพวกเราก็ยังมีวิธีแนะนำที่จะทำให้คุณตัวหอมน่าดมมากขึ้น
แนะนำวิธีทำยังไงให้ตัวหอมน่าดม
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญที่จะทำให้คุณมีความน่าสนใจมากขึ้นนั่นก็คือ ตัวหอม หรือ มีกลิ่นกายที่หอมน่าเย้ายวนใจแต่ทว่าวิธีที่จะทำให้คุณตัวหอมน่าดม ซึ่งพวกเราได้รวบรวมวิธีที่จะทำให้ร่างกายของคุณดูดีทั้งภายนอก และ ภายใน บอกเลยว่าทำตามนี้ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป กับ 5 วิธีที่จะทำให้คุณตัวหอมน่าดม
1.ชำระล้างร่างกาย ให้สะอาด เป็นนิสัย
เรื่องแรกที่สำคัญเลยก็คือ การชำระล้างร่างกาย หรือ การอาบน้ำนั่นเอง ซึ่งจะต้องมีการทำความสะอาดทุกจุดสำคัญของร่างกายอยู่เสมอ ซึ่งในแต่ละวันเรามักจะพบเจอกับฝุ่นควัน ความมัน สิ่งสกปรก รวมทั้งสิ่งที่มองไม่เห็นอีกมากมาย เพราะผู้ชายมักจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง ซึ่งนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์มากมาย แต่อย่างที่ทราบกันดีเลยว่าการอาบน้ำอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้กลิ่นของคุณหายไป แต่ทว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คุณมีร่างกายที่สะอาด ลดแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดกลิ่นนั่นเอง ส่วนรายละเอียดสำคัญเช่น การสระผม หรือ การดูแลทุกส่วนของร่างกายก็จะต้องทำให้สะอาด รวมทั้งความสะอาดของเสื้อผ้าอีกด้วย จุดเริ่มต้นนี้คือเรื่องที่คุณเริ่มทำเองได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
2.เลือกรับประทานอาหารที่ส่งผลให้ตัวหอม
ตัวหอม หรือ การลดกลิ่นกายจากภายนอก เริ่มต้นจากภายในได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ส่งผลให้มีสาเหตุที่ทำให้กลิ่นตัวแรง นั่นก็คือ จะต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง อาหารหมัก ดอง รวมทั้งอาหารที่มีรสเผ็ดจัด ส่วนอาหารประเภทเนื้อสัตว์บางชนิดก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นปากได้ด้วยเช่นกัน แต่อาหารที่จะทำให้มีกลิ่นตัวที่หอม หรือ ช่วยลดการเกิดกลิ่นก็จะได้แก่ ผัก ผลไม้ โยเกิร์ต หรือ เนื้อปลา นั่นเอง สำหรับเนื้อสัตว์อาจจะต้องรับประทานในปริมาณที่น้อย จะส่งผลให้ลดกลิ่นตัวได้
3.ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความหอม
ถ้าคุณเองเป็นคนที่ไม่เคยเลือกใช้สบู่ หรือ โลชั่นทาผิวเลย ก็คงไม่แปลกที่จะเกิดกลิ่นตัวได้เวลาที่เหงื่อออก แต่สำหรับใครที่อยากจะเปลี่ยนแปลง ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความหอมเหล่านี้ช่วยคุณได้ เพราะนอกจากจะระงับกลิ่นกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะลดการเกิดของเชื้อแบคทีเรียด้วยเช่นกัน แน่นอนเลยว่าการใช้สบู่ หรือ ครีมอาบน้ำ ที่มีกลิ่นใกล้เคียงกับโลชั่นทาผิว ก็จะทำให้คุณมีกลิ่นของผลิตภัณฑ์เหล่านี้หอมติดเนื้อตัว รวมทั้งติดเสื้อผ้าด้วย แต่ข้อแนะนำที่สำคัญของเรื่องนี้ก็คือ กลิ่นของสบู่ กับ โลชั่นทาผิว จะต้องมีความใกล้เคียงกันเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วกลิ่นจะตีกันจนปวดหัวแทน มากกว่าความหอมได้นั่นเอง
4.ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ห้ามขาด
ถึงแม้ว่าการใช้สบู่ ครีมอาบน้ำ หรือ โลชั่น ที่มีความหอมแล้ว กลิ่นกายที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกกิจกรรม สิ่งเหล่านี้ก็สามารถปกป้องได้อีกหนึ่งขั้นด้วยการใช้ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย หรือ “โรลออน” ที่จะต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือ แอลกอฮอล์ เพราะอาจจะทำให้คุณแพ้ง่าย รวมทั้งใต้วงแขน จุดรักแร้ ไม่กระจ่างใสด้วย
5.น้ำหอม ไอเทมชิ้นสุดท้าย
น้ำหอมคือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่คนอยากปรับแต่งกลิ่นตัวหันมาใช้ ซึ่งแน่นอนเลยว่านี่คือสิ่งที่แนะนำเป็นชิ้นสุดท้าย กับ การใช้น้ำหอม กับจุดชีพจรต่าง ๆ ได้แก่ หลังใบหู, ข้อมือ, ซอกคอ, ข้อพับแขน และผม ซึ่งแน่นอนเลยว่าใครที่ยังฉีดในจุดอื่นอยู่ต้องหยุด เพราะไม่ได้ทำให้คุณหอมขึ้นเลย แต่การฉีดในจุดสำคัญที่กล่าวมานั้นจะทำให้การสัมผัส การดมกลิ่น ของเพศตรงข้ามนั้นหันมาสนใจตัวคุณมากขึ้นนั่นเอง แต่ทว่าการใช้น้ำหอมที่มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับคุณผู้ชาย ดังนั้นควรใช้แบบเบา ๆ แต่คงความหอมจากภายในจะดีกว่ามาก
ข้อแนะนำทั้งหมดจะมีทั้งองค์ประกอบภายนอก รวมทั้งองค์ประกอบภายในที่คุณเองจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าหากว่าอยากที่จะมีกลิ่นตัวที่หอมติดตัว หรือ ใครที่มีกลิ่นตัวแรงอยากจะปรับปรุงตัวเอง ก็สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งแน่นอนเลยว่านอกจากจะส่งเสริมให้คุณมีสุขอนามัยที่ดีแล้ว จะทำให้บุคลิกของคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย และ ที่สำคัญก็คือสุขภาพที่คุณเองจะหันกลับมารักตัวเองมากขึ้นนั่นเอง
สำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเราได้รวบรวมมาแนะนำให้กับคุณผู้ชายที่กำลังประสบปัญหาในเรื่อง กลิ่นตัวแรง แน่นอนเลยว่าปัญหานี้สามารถเริ่มพบได้ตั้งแต่วัยรุ่นเป็นต้นไป วัยที่กำลังเจริญพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนจากเด็ก สู่ผู้ใหญ่ แน่นอนเลยว่าฮอร์โมนที่ทำงานไม่ปกติ อาจจะส่งผลไปถึงเรื่องสุขภาพมากกว่าเรื่องกลิ่นตัวได้นั่นเอง เรียกได้ว่าบทความนี้จะทำให้คุณได้ทำความเข้าใจสำหรับเรื่องกลิ่นตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ วิธีการรักษา ดูแลตัวเอง พร้อมกับคำแนะนำที่จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่มั่นใจในกลิ่นตัวมากขึ้น แน่นอนเลยว่าความรักษาความสะอาดภายในร่างกายคือเรื่องสำคัญอันดับที่ 1 ที่คุณจะต้องหันมาดูแลตัวเอง ถ้ายังทำไม่ได้เรื่องอื่น ๆ ก็ยากสำหรับคุณแล้ว สุดท้ายนี้พวกเราหวังว่าเวลา และ วินัยในการดูแลสุขภาพจะเป็นข้อพิสูจน์ที่จะทำให้คุณกลายเป็นคนกลิ่นตัวไม่แรง และ สุขภาพดีนั่นเอง
อ้างอิงจาก
- ปัญหากลิ่นตัวแก้ไขได้. https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1097
- สาเหตุ “กลิ่นตัวเหม็น” เกิดจากอะไร กลิ่นตัวแรงรักษาอย่างไรดี? https://www.rattinan.com/body-odor/
- 5 เคล็ดลับตัวหอม ช่วยเพิ่มเสน่ห์และความมั่นใจตลอดวัน. https://www.cosmenet.in.th/cosme-howto/47389