กลิ่นตัวแรง แก้ได้แค่เปลี่ยนการกิน

กลิ่นตัวแรง แก้ได้แค่เปลี่ยนการกิน ปัญหากลิ่นตัวแรงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย กลิ่นตัวไม่ใช่เรื่องตลก และอาจบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนรอบข้างได้เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหากลิ่นตัวแรงให้หมดสิ้นไปแบบถอนรากถอนโคน แต่รู้หรือไม่ว่าปัญหาดังกล่าว สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเท่านั้นเอง โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงทานอาหารที่กินแล้วทำให้กลิ่นตัวแรงดังต่อไปนี้

1.เครื่องแกงรสจัด

แน่นอนว่าแกงเผ็ดเป็นส่วนหนึ่งของสุดยอดอาหารไทย แต่การทานแกงเผ็ดรสจัดเป็นประจำทุกวัน นอกจากจะส่งผลต่อระบบย่อยอาหารของคุณแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดกลิ่นตัวได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเครื่องเทศที่เป็นส่วนผสมสำคัญของแกงอย่างยี่หร่า และสมุนไพรอื่น ๆ มีส่วนในการสร้างกลิ่นตามมุมอับต่าง ๆ ของร่างกาย อีกทั้งยังทำให้เกิดเหงื่อออกตามรูขุมขนง่าย ฉะนั้น การลดปริมาณแกงรสจัดลงก็จะช่วยลดกลิ่นตัวได้ไม่มากก็น้อยแน่นอน นอกจากนี้ คุณผู้ชายยังสามารถศึกษาเรื่องฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนด้วย เพื่อดูว่ามันมีผลต่อกลิ่นตัวหรือไม่

2.กระเทียม

แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ยากจะหลีกเลี่ยง แต่อาหารไทยเกือบทุกชนิดย่อมมีส่วนผสมของกระเทียมที่เปี่ยมไปด้วยอัสลิซินซึ่งลำพังหากอยู่ในกระเทียมอาจไม่ได้ส่งกลิ่นอะไร แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายเรา ไม่ว่าจะผ่านการทานหรือจับต้องจนกลิ่นติดตามเนื้อตัว เมื่อเหงื่อออก อัสลิซินที่ผสมกับเหงื่อนี่แหละคือตัวการของกลิ่นตัวชั้นดี ฉะนั้น หากคุณจำเป็นต้องรักษากลิ่นตัวอย่างปัจจุบันทันด่วนก็ขอให้งดอาหารที่มีส่วนผสมของกระเทียมเสียก่อน และในระยะยาวก็ค่อย ๆ ลดปริมาณลง เพราะการเลี่ยงกระเทียมในอาหารไทยนั้นเป็นสิ่งไม่ง่ายเลย ฉะนั้นแล้ว คุณอาจสนใจบทความนี้ แนะนำวิธีลดกลิ่นตัวผู้ชาย

3.หอมหัวใหญ่

เช่นเดียวกับกระเทียม กลิ่นหอมหัวใหญ่สด ๆ เมื่อยังไม่ได้นำมาประกอบอาหารในลำพังตัวมันเองก็มีกลิ่นชวนเวียนหัวอยู่แล้ว ยิ่งหากทานเข้าไปในปริมาณมาก ไม่ว่าจะด้วยส่วนผสมของแกงหรือผัดต่าง ๆ ย่อมส่งกลิ่นออกมาพร้อมเหงื่อที่ร่างกายขับออกมา ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงใช้วิธีการนำหอมหัวใหญ่ไปเจียวเพื่อซับกลิ่นออกมาก่อนที่จะนำไปปรุงอาหาร เพื่อบรรเทากลิ่นอันรุนแรงของมันจากการติดตัวเรา และกลายเป็นกลิ่นตัวอันไม่ชวนพิสมัยนั่นเอง

4.ทุเรียน

หนึ่งในของโปรดของคนจำนวนมาก โดยทุเรียนในตัวเองก็มีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว แต่เมื่อทานเข้าไปในปริมาณมาก ต้องบอกว่าเพียงแค่เดินผ่านก็ทราบได้เลยว่าเพิ่งทานทุเรียนมา เพราะกลิ่นของทุเรียนนั้นจะติดอยู่ตามเสื้อผ้า ซอกเล็บ เส้นผม รวมทั้งขับออกมาพร้อมกับเหงื่อหลังจากที่ได้ทานเข้าไป ดังนั้น หากคุณกังวลเรื่องกลิ่นตัว จึงควรทานทุเรียนแต่ในปริมาณน้อย และควรชำระล้างร่างกายด้วยสบู่หรือสารทำความหอมเป็นประจำหลังทานเสร็จ นอกจากนั้น การดื่มน้ำผลไม้หรือทานผลไม้ที่มีฤทธิ์ของกรดยังช่วยยับยั้งกลิ่นทุเรียนทั้งกลิ่นปากและกลิ่นตัวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

5.กาแฟ

ใครจะคาดคิดว่ากาแฟที่หลายคนดื่มเป็นประจำทุกวันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลิ่นตัวที่หลายคนต้องเมินหน้าหนี ที่เป็นเช่นนี้เพราะกาแฟมีคาเฟอีนที่คอยกระตุ้นระบบประสาทให้ทำงานอย่างหนัก ทำให้ต่อมเหงื่อมีการขับของเสียออกมามากกว่าปกติ การดื่มกาแฟปริมาณมากจึงทำให้ตามเนื้อตัวของคุณมีของเสียที่ถูกขับออกมาเป็นจำนวนมากในระหว่างวัน ส่งผลให้เกิดกลิ่นตัว โดยเฉพาะคนที่น้ำหนักมาก เมื่อเหงื่อผสมกับแบคทีเรียที่อาจจะเกิดจากการหมักหมมหรือเสื้อผ้าไม่สะอาดแล้ว ยิ่งทำให้กลิ่นตัวแรงมากยิ่งขึ้นจนยากจะทนทาน กลายเป็นปัญหาเรื่องบุคลิกภาพที่ทำให้หลายคนเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตไปไม่มากก็น้อย

6.เนื้อสัตว์

กล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คนที่มีกลิ่นตัวเลิกทานเนื้อสัตว์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทานเนื้อสัตว์ปริมาณในแต่ละวัน โดยไม่ได้ทานผักและผลไม้ประกอบเลยส่งผลทำให้เกิดกลิ่นตัวได้มากเช่นกัน เนื่องจากไขมันจากสัตว์ที่ร่างกายได้รับจะไปสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ เมื่อเหงื่อถูกขับออกมาก็จะนำกลิ่นไขมันเหล่านั้นออกมาผสมกับแบคทีเรียตามร่างกายของเรา ก่อให้เกิดเป็นกลิ่นตัวที่ความรุนแรงแปรผันไปตามการดูแลความสะอาดและสุขอนามัยของแต่ละคน ดังนั้น การลดปริมาณเนื้อสัตว์ และทานผักผลไม้มากขึ้น จึงเป็นทางแก้ไขปัญหาที่ดี

กลิ่นตัวไม่ใช่เรื่องน่าขันแต่อย่างใด เพราะนอกจากจะส่งผลให้เสียความมั่นใจแล้ว ยังก่อให้เกิดความบาดหมางในความสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือเพื่อนร่วมงานอีกด้วย การแก้ไขปัญหากลิ่นตัวนั้นมีอยู่มากมายหลายวิธี นอกจากการใช้ น้ำหอมผู้ชาย แล้ว ยังสามารถหลีกเลี่ยงและลดปริมาณอาหารทั้ง 6 ประเภทที่บทความได้เสนอไว้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณสามารถใช้ต่อกรกับปัญหากลิ่นตัวได้อย่างยั่งยืน