การดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนก็จำเป็นที่จะต้องดูแลตัวเองด้วยกันทั้งนั้น โดยควรดูแลตัวเองให้เหมาะสมกับวัยของตัวเอง ก็จะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายนั้นแข็งแรง และสามารถฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการดูแลตัวเองก็จำเป็นที่จะต้องดูแลให้ครบทุกส่วนของร่างกาย รวมไปถึงเรื่องของการดูแลกระดูกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอายุที่มากขึ้นแล้ว ก็จะต้องยิ่งใส่ใจกับการดูแลกระดูกให้มากขึ้นไปอีก สำหรับวิธีการดูแลกระดูกในปัจจุบันนี้ก็มีอยู่หลากหลายวิธีเลย หนึ่งในนั้นก็คือการกิน คอลลาเจนบำรุงกระดูก ด้วยนั่นเอง แล้ว ควรเลือก คอลลาเจนแบบไหนดี กินเวลาไหน และกินแล้วปลอดภัยหรือไม่ ติดตามกันได้ในบทความนี้


คอลลาเจนบำรุงกระดูก คือคอลลาเจนชนิดใด 

คอลลาเจนบำรุงกระดูก คือคอลลาเจนชนิดใด 

คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในร่างกายของมนุษย์ทุกคน โดยในส่วนของผิวหนังก็จะมีคอลลาเจนอยู่มากถึง 70% เลยทีเดียว สำหรับคอลลาเจนก็จะเป็นสิ่งที่ทำหน้าที่ในการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว และยังช่วยในเรื่องของการเพิ่มความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อเกี่ยวพันด้วย ยิ่งไปกว่าคอลลาเจนก็ยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก ๆ ต่อความยืดหยุ่นที่บริเวณของข้อต่อ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งคอลลาเจนที่อยู่ในตำแหน่งนี้ก็จะทำหน้าที่ในการช่วยพยุงเซลล์เนื้อเยื่อไม่ให้หย่อนคล้อย หรือว่าคลายตัวง่ายนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนมีอยู่หลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างกันออกไป และมีตำแหน่งในร่างกายอยู่ไม่เหมือนกันด้วย แต่สำหรับในส่วนของคอลลาเจนบำรุงกระดูกนั้น ก็จะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 หรือ คอลลาเจนไทป์ทู (Type II) โดยคอลลาเจนชนิดนี้ก็จะสามารถพบได้มากในบริเวณกระดูกอ่อน เช่น ที่กระดูกจมูก, กระดูกซี่โครง, กระดูกหู, กระดูกหลอดลม และกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ทั้งนี้คอลลาเจนชนิดที่ 2 ก็สามารถแบ่งออกเป็นได้ 2 ประเภท ได้แก่ คอลลาเจนไทป์ทูทั่วไป (Denatured Collagen Type II) และ คอลลาเจนยูซี-ทู (Undenatured Collagen Type II)

สำหรับคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้น โดยปกติแล้วร่างกายจะสามารถผลิตขึ้นมาเองได้ แต่เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้การสร้างคอลลาเจนชนิดนี้น้อยลง เมื่อมีปริมาณคอลลาเจนน้อยก็ส่งผลทำให้กระดูกอ่อนแอ และสึกหรอ อีกทั้งยังส่งผลทำให้น้ำที่อยู่ในข้อต่อไม่สมดุลกันด้วย จนในที่สุดก็จะทำให้รู้สึกว่าปวดข้อ, มีอาการข้อเข่าเสื่อม และมีอาการเจ็บ หรือว่ามีเสียงดังกร๊อบแกร๊บในขณะที่เดิน ในทางกลับกันหากว่าร่างกายได้รับคอลลาเจนชนิดที่ 2 ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยทำให้น้ำหล่อเลี้ยงในข้อมีปริมาณมากขึ้น และยังสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างกระดูกอ่อนให้มีจำนวนที่มากขึ้นด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูกระดูกก่อน หมอนรองกระดูก และข้อต่อ รวมถึง คอลลาเจนยังช่วยบํารุงผิว ผม เล็บ ได้ด้วย


ประโยชน์ทางการแพทย์เมื่อการกินคอลลาเจน type 2

ประโยชน์ทางการแพทย์เมื่อการกินคอลลาเจน type 2

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงคอลลาเจนแล้ว ก็ต้องนึกถึงประโยชน์หรือสิ่งที่สามารถช่วยดูแลร่างกายให้ได้ ในส่วนของคอลลาเจนชนิดที่ 2 หรือ คอลลาเจน type 2 เองก็เช่นกันที่มีประโยชน์ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะประโยชน์ต่างการแพทย์ที่คอลลาเจนสามารถช่วยได้หลากหลายเรื่องเลยทีเดียว ซึ่งประโยชน์ของการกินคอลลาเจนชนิดที่ 2 ก็มีดังต่อไปนี้

1. ช่วยรักษาอาการของโรคเกี่ยวกับกระดูกหรือข้อต่อ

โดยคอลลาเจนชนิดที่ 2 ไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องของการช่วยบำรุง และช่วยชะลอการเสื่อมตัวของผิวหนังเท่านั้น แต่ยังช่วยในเรื่องของโรคเกี่ยวกับกระดูกหรือข้อต่อได้ด้วย ซึ่งคอลลาเจนจะทำหน้าที่ในการช่วยรักษาอาการเจ็บที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาอาการเจ็บหลังจากที่ผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว รวมถึงสามารถช่วยในการรักษาอาการปวดอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น การรักษาอาการปวดหลัง และอาการปวดคอ 

2. ช่วยรักษาโรคข้อเสื่อม

คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนชนิดที่สามารถช่วยในการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเสื่อมตัวของข้อกระดูก โดยจากงานวิจัยก็พบว่า คอลลาเจนชนิดที่ 2 มีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาโรคข้อเสื่อม และช่วยรักษาโรคความผิดปกติเกี่ยวกับข้อต่อชนิดอื่น ๆ ด้วย ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้สามารถถูกดูดซึมผ่านทางลำไส้ และเมื่อดูดซึมไปแล้วก็จะไปสะสมอยู่ที่กระดูกอ่อนนั่นเอง นอกจากนั้น คอลลาเจนชนิดนี้ก็ยังสามารถช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับข้อกระดูกได้เป็นอย่างดีเลยนั่นเอง

3. ช่วยรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

อีกสิ่งหนึ่งที่เมื่อกินคอลลาเจนชนิดที่ 2 จะสามารถช่วยรักษาได้ โดยโรคนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ จนทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อหุ้มกระดูกข้อต่อขึ้นมา สำหรับคอลลาเจนชนิดที่ 2 นี้ก็เป็นโปรตีนชนิดหลักที่อยู่ในกระดูกอ่อนข้อต่อ และอยู่ในสารก่อภูมิต้านทานด้วย จากการศึกษาก็พบว่าการใช้คอลลาเจนชนิดนี้สามารถช่วยลดอาการบวมและฟกช้ำในข้อต่อลดลงได้ 

4. ช่วยรักษาอาการปวดอื่น ๆ

นอกจากประโยชน์ทางการแพทย์ที่กล่าวไปแล้วถึงเรื่องของคอลลาเจนชนิดที่ 2 ก็มีการกล่าวอ้างมาอีกว่า คอลลาเจนชนิดที่ 2 สามารถที่จะช่วยในการบรรเทาอาการเจ็บในผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคข้อหรือกระดูกได้ด้วย เช่น ผู้ที่มีอาการปวดที่ข้อหลังจากการผ่าตัด, ผู้ที่มีอาการปวดหลังจากการได้รับบาดเจ็บ, ผู้ที่มีอาการปวดหลัง และผู้ที่มีอาการปวดคอ โดยจากการวิจัยก็พบว่า เมื่อกินคอลลาเจนชนิดที่ 2 ติดต่อกัน ก็สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพของข้อต่อ และยังช่วยลดโอกาสในการเสื่อมของข้อต่อได้ด้วย โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นนักกีฬา ผู้ที่มีการใช้งานข้อต่ออย่างหนักเป็นประจำ 


คอลลาเจนสำหรับบำรุงกระดูกอย่าง type 2 เหมาะกับใครบ้าง และควรกินเวลาไหน

คอลลาเจนบำรุงกระดูก อย่าง type 2 เหมาะกับใครบ้าง และควรกินเวลาไหน

จากที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ก็คงจะช่วยทำให้เข้าใจกันได้มากขึ้นแล้วว่า การกิน collagen บํารุงกระดูก อย่างคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นดีและมีประโยชน์อย่างไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตามการกินคอลลาเจนก็จะต้องกินให้เหมาะสม และกินให้ถูกเวลาด้วย นั่นก็เพื่อเป็นการช่วยให้คอลลาเจนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยการกินคอลลาเจนชนิดที่ 2 ก็จะเหมาะสมมาก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการบำรุง และดูแลกระดูก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบ, ผู้ป่วยเป็นโรครูมาตอยด์, ผู้ที่สูงอายุมากขึ้น และมีกระดูกเสื่อมถอยไปตามวัย, ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณข้อต่อหรือกระดูก ที่เกิดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาอย่างหนัก หรือประสบอุบัติเหตุ รวมถึงยังเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการจะบำรุงกระดูกและข้อต่อไม่ให้เสื่อมไปง่ายกว่าปกตินั่นเอง

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการกินคอลลาเจนไม่ใช่ว่าจะกินตอนไหนก็ได้ เพราะการกินในแต่ละครั้งจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง โดยหากจะถามว่าคอลลาเจนควรกินตอนไหน ก็ต้องบอกเลยว่าควรกินตอนที่ท้องว่างอยู่ เพราะจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดีมากที่สุด เช่น การกินในช่วงเช้าหลังจากตื่นนอน หรือกินช่วงก่อนนอน แต่ทั้งนี้หากว่าอยากมั่นใจในการกินคอลลาเจนมากขึ้นว่ากินได้ถูกต้อง ก็แนะนำว่าให้กินตามที่ฉลากผลิตภัณฑ์ได้แนะนำเอาไว้ เนื่องจากว่าผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อก็มีความแตกต่างกันอยู่ จึงควรกินตามที่แบรนด์ได้ระบุไว้จะช่วยทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการกินคอลลาเจนมากที่สุด

นอกจากนั้นแล้ว การกินคอลลาเจนให้สามารถช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อได้นั้น ไม่เพียงแค่จะต้องกินให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอหรือกินในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นจึงจะช่วยดูแลร่างกายตามที่ต้องการได้ เพราะหากว่าอยากให้ได้ผลลัพธ์ในการบำรุงกระดูกและข้อต่อมากขึ้นไปอีก ก็แนะนำว่าให้กินควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เป็นแคลเซียมด้วย ก็จะเป็นการช่วยดูแลกระดูกให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก และยังช่วยทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งทั้งนี้การกินคอลลาเจนที่ช่วยบำรุงกระดูกนั้นไม่ใช่ว่าจะต้องกินเมื่ออายุเยอะเท่านั้น แต่เมื่อถึง วัยที่กินคอลลาเจนได้ แล้วก็สามารถเริ่มบำรุงกระดูกด้วยคอลลาเจนได้เช่นกัน ยิ่งดูแลเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี


คอลลาเจนชนิดที่ 2 กินแล้วปลอดภัยหรือไม่

คอลลาเจนชนิดที่ 2 กินแล้วปลอดภัยหรือไม่

อีกหนึ่งเรื่องที่ผู้คนมักจะสงสัย หรือมีคำถามกันมาก ๆ ในการกินคอลลาเจนก็คือ กินแล้วจะปลอดภัยไหม หรือจะเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือเปล่า การกินคอลลาเจน บํารุงกระดูกอย่างคอลลาเจนชนิดที่ 2 เองก็เช่นกันที่จะมีคำถามนี้ตามมาด้วย โดยในการกินคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นถือว่าค่อนข้างมีความปลอดภัยมากทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมด้วย ซึ่งปริมาณที่เหมาะสมก็คือวันละไม่เกิน 2.5 มิลลิกรัม และไม่ควรกินคอลลาเจนชนิดนี้ติดต่อกันนานกว่า 24 สัปดาห์ 

สำหรับคอลลาเจนชนิดที่ 2 นี้ก็มียังไม่มีสิ่งที่สามารถระบุได้ชัดเจนถึงเรื่องของผลข้างเคียงหลังจากที่กินไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งที่ต้องระวังเอาไว้สักหน่อยในการกินคอลลาเจนชนิดที่ 2 หากว่าเกิดกรณีดังต่อไปนี้

  • ในการกินคอลลาเจนชนิดที่ 2 ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือว่ากินในปริมาณที่มากจนเกินไป ก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดข้างเคียงตามมาได้ เช่น การมีอาการคลื่นไส้, ท้องผูก, ท้องเสีย, ปวดศีรษะ, ง่วงซึม หรืออาจจะเกิดอาการแพ้ขึ้นที่บริเวณผิวหนังได้
  • สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือว่าอยู่ในช่วงของการให้นมบุตร ก็เป็นช่วงที่ไม่ควรกินคอลลาเจนอย่างเด็ดขาด เนื่องจากว่ายังไม่มีข้อมูลที่สามารถยืนยันได้ออกมาว่าหากกินคอลลาเจนแล้วจะปลอดภัย หรือไม่ทำให้เกิดอันตรายตามมา
  • สำหรับผู้ที่อาการแพ้ไข่ หรือว่าแพ้ไก่ ก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่ควรกิน และควรหลีกเลี่ยงการกินคอลลาเจนชนิดที่ 2 ไปเช่นกัน เนื่องจากว่าเมื่อกินแล้วก็อาจจะนำไปสู่อาการแพ้ได้ด้วยนั่นเอง

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เข้าใจกันได้มากขึ้นแล้ว เกี่ยวกับเรื่องของการกินคอลลาเจนเพื่อช่วยในเรื่องของการบำรุงกระดูก ที่จะเห็นได้เลยว่าไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็สามารถกินคอลลาเจนเพื่อบำรุงกระดูกได้ทั้งนั้น อีกทั้งหากว่ามีการกินคอลลาเจนได้อย่างเหมาะสมด้วยแล้ว ก็จะยิ่งเป็นการช่วยดูแลกระดูกได้เป็นอย่างดีได้มากขึ้นไปอีกด้วย ดังนั้น สำหรับคนที่กังวลในเรื่องเกี่ยวกับกระดูก หรือรู้ว่ากระดูกไม่แข็งแรง ก็สามารถใช้วิธีการกินคอลลาเจนเพื่อบำรุงกระดูก และบำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้เลย


อ้างอิง