คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ทุกคน โดยคอลลาเจนจะทำหน้าที่เสมือนกาวที่ช่วยยึดโครงสร้าง และอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย คอลลาเจนที่เกิดขึ้นในร่างกายนั้น ร่างกายของมนุษย์สามารถที่จะผลิตขึ้นมาเองได้ตั้งแต่วัยเด็ก แต่เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนในร่างกายก็ยังคงมีการผลิตอยู่ แต่ผลิตในปริมาณที่น้อยลง จนทำให้ร่างกายมีคอลลาเจนไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้องมีการกินคอลลาเจน เพื่อเสริมและเติมให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนในปริมาณที่เพียงพอ แล้ว คอลลาเจน อายุเท่าไหร่กินได้ เลือกคอลลาเจนแบบไหนดี ในบทความนี้จะมาอธิบายให้ได้เข้าใจกันมากขึ้น


คอลลาเจน อายุเท่าไหร่กินได้ มาหาคำตอบกัน

คอลลาเจน อายุเท่าไหร่กินได้ มาหาคำตอบกัน

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า คอลลาเจนเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ในร่างกายของมนุษย์ทุกคน และร่างกายก็จะมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองตั้งแต่วัยเด็ก จึงทำให้คอลลาเจนกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อคนทุกเพศทุกวัย แต่ความจริงแล้ว คอลลาเจน อายุเท่าไหร่กินได้ หรือต้องอายุตั้งแต่ช่วงไหนถึงจะสามารถเริ่มกินได้ ในส่วนนี้ก็ต้องอธิบายกันก่อนว่า ในช่วงวัยที่ต่ำกว่า 20 ปี เป็นวัยที่ร่างกายยังมีความสามารถในการผลิตคอลลาเจนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องกินคอลลาเจนเพิ่มให้กับร่างกายด้วยอาหารเสริม เนื่องจากว่าร่างกายยังสามารถทำการผลิตคอลลาเจน และซ่อมแซมส่วนที่สกหรอได้ด้วยตัวเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วอายุเท่าไหร่กันที่เหมาะสมกับการกินอาหารเสริมคอลลาเจน ก็ต้องบอกเลยว่าการกินคอลลาเจนสามารถกินได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี แต่ช่วงวัยที่เหมาะสมมากที่สุดก็คือ อายุ 25 ปีขึ้นไป ทั้งผู้หญิง และ ผู้ชายควรกินคอลลาเจน ที่ต้องกินในวัยนี้ก็เป็นเพราะว่าร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง อีกทั้งยังเป็นช่วงวัยที่ต้องเจอกับความเครียด บวกกับพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างในการชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปมากด้วย โดยเฉพาะการทำงานหนัก และพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย ที่ทำให้ร่างกายโทรมได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้สูงอายุเองหากจะถามว่าสามารถกินคอลลาเจนได้ไหม บอกเลยว่าเป็นช่วงวัยที่สามารถกินได้ เพื่อเป็นการช่วยเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกาย โดยถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเลยทีเดียว เพราะในวัยนี้ร่างกายมีการสร้างคอลลาเจนน้อยลงแล้ว และด้วยอายุทำให้มีปัญหาเรื่องกระดูก รวมถึงข้อต่อต่าง ๆ ตามมาด้วย อีกทั้งปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณก็มีไม่น้อย ทั้งริ้วรอย ผิวดูหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง และไม่ดูสดใสเหมือนเคย การที่จะทำให้ร่างกายของผู้สูงอายุกลับมาดีขึ้นได้ทางหนึ่ง ก็คือการเติมคอลลาเจนให้กับร่างกายให้เพียงพอต่อความต้องการนั่นเอง 


การเติมคอลลาเจนให้กับร่างกายมีความสำคัญอย่างไร

การเติมคอลลาเจนให้กับร่างกายมีความสำคัญอย่างไร

ก่อนหน้านี้ก็คงจะได้ทราบแล้วว่า อายุเท่าไหร่ถึงกินคอลลาเจนได้ ในส่วนต่อมาก็อยากจะให้ได้ทำความเข้าใจกันด้วย ถึงเรื่องความสำคัญของการกินคอลลาเจน เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าคอลลาเจนในร่างกายของมนุษย์จะค่อย ๆ มีการผลิตน้อยลงเมื่อมีอายุที่มากขึ้น มีงานวิจัยจากหลายสถาบันได้ระบุเอาไว้ว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 20 ปี ร่างกายก็จะเริ่มผลิตคอลลาเจนลดลงให้เหลืออยู่ที่ประมาณ 75% จากทั้งร่างกาย และเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนน้อยลงไปอีกที่ประมาณ 30% รวมถึงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ก็จะเริ่มอ่อนแอลงด้วย ซึ่งสิ่งนี้เองที่ส่งผลให้ข้อต่อไม่แข็งแรง ผิวไม่เต่งตึง เหี่ยวย่น ขาดความชุ่มชื้น และเกิดริ้วรอยขึ้น

นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีปัจจัยภายนอกในส่วนอื่น ๆ ด้วยที่ส่งผลต่อคอลลาเจนในร่างกายให้มีน้อยลง หรือเสื่อมเร็วมากขึ้น เมื่อร่างกายขาดคอลลาเจนที่จะช่วยยึดเกาะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไป ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาหลายอย่าง และทำให้ร่างกายมีปริมาณคอลลาเจนไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้สำหรับการซ่อมแซมร่างกาย และเติมเต็มส่วนต่าง ๆ จากสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้การกินคอลลาเจนเพิ่มเติมให้กับร่างกายได้ทำงานอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงมากขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ก็จำเป็นที่จะต้องกินคอลลาเจนให้เพียงพอ และเหมาะสมกับร่างกายจะเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายมากที่สุด


รวมสาเหตุที่ทำให้คอลลาเจนลดลง และแชร์วิธีการช่วยลดโอกาสสูญเสียคอลลาเจนในร่างกาย

รวมสาเหตุที่ทำให้คอลลาเจนลดลง

สำหรับเรื่องของคอลลาเจนกินได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ก็ได้เข้าใจกันไปพอสมควรแล้ว ในส่วนนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่อยากให้ได้ทำความเข้าใจกันเอาไว้ด้วย สำหรับคนที่กินคอลลาเจน นั่นก็คือ เรื่องของสาเหตุที่ทำให้คอลลาเจนในร่างกายลดลง โดยสาเหตุที่ส่งผลต่อคอลลาเจนให้มีปริมาณที่ลดลงนั้นก็มีอยู่หลากหลายสาเหตุเลย ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มีอายุมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่สามารถส่งผลทำให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนไปได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งสาเหตุก็มีดังต่อไปนี้

  • รังสี UV สิ่งนี้ถือว่าเป็นตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนในร่างกายเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะการทำลายคอลลาเจนที่อยู่บนชั้นผิวให้ลดลง ซึ่งรังสี UV จะทำลายเซลล์ DNA ที่สร้างคอลลาเจน จนในที่สุดก็ส่งผลทำให้คอลลาเจนที่อยู่ในผิวสลายตัวไป
  • การสูบบุหรี่ สำหรับบุหรี่ก็เป็นสิ่งที่จะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ในร่างกายได้โดยตรง อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ทำลายสารอาหารในร่างกายอย่างวิตามินซีด้วย ซึ่งวิตามินซีเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาตินั่นเอง
  • การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ โดยการที่ร่างกายขาดวิตามินซี จะส่งผลทำให้คอลลาเจนที่อยู่บนชั้นผิวน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากว่าร่างกายไม่สามารถที่จะผลิตคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ
  • การกินน้ำตาลมากเกินไป โดยน้ำตาลเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการอักเสบได้ และยังส่งผลต่อเรื่องของคอลลาเจนที่อยู่ในผิวหนัง รวมถึงการกินน้ำตาลมากเกินไปยังทำให้ร่างกายสูญเสียอีลาสตินได้อีกด้วย
  • ความเครียด การที่ร่างกายสะสมความเครียดมากขึ้น ก็เป็นการทำให้ร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนที่มีชื่อว่า คอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้สามารถทำลายคอลลาเจนที่อยู่บนชั้นผิว และลดการผลิตคอลลาเจนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของร่างกาย

วิธีการที่จะช่วยลดโอกาสการสูญเสียคอลลาเจนในร่างกาย

นอกจากที่จะต้องรู้สาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียคอลลาเจนในร่างกายไปแล้ว ก็ต้องรู้วิธีการป้องกัน หรือวิธีการที่จะช่วยลดโอกาสการสูญเสียคอลลาเจนในร่างกายเอาไว้ด้วย โดยการลดโอกาสการสูญเสียคอลลาเจนนี้ก็เป็นวิธีการที่จะทำให้ยังสามารถคงสภาพของคอลลาเจนเอาไว้ให้อยู่กับร่างกายไปได้นาน ๆ ซึ่งวิธีการก็มีดังต่อไปนี้

  • การปรับพฤติกรรมการกินอาหาร โดยควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลต่อการทำให้ระดับอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มขึ้น นั่นก็ได้แก่ อาหารที่มีความหวานมาก ๆ, ปิ้งย่าง และอาหารแปรรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อคอลลาเจนในร่างกายทั้งสิ้น
  • การเลือกกินอาหารที่มีคอลลาเจนสูง โดยอาหารที่มีคอลลาเจนสูงก็จะเป็นการช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับร่างกายให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากที่จะกินอาหารที่มีคอลลาเจนสูงแล้ว ก็ควรกินควบคู่ไปกับวิตามินซีด้วย เพื่อเป็นการช่วยให้ร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสมากขึ้นด้วย
  • พยายามหลีกเลี่ยง และอยู่ให้ห่างจากมลภาวะที่เป็นพิษให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น, ควัน, ยาฆ่าแมลง, สารเคมี, บุหรี่ หรือแม้กระทั่งความเครียดเองก็ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลง และทำให้คอลลาเจนที่มีในร่างกายถูกทำลายไปได้ง่ายมากขึ้น 
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด เพราะแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่จะทำร้ายคอลลาเจนในร่างกายได้ โดยในทุก ๆ วันควรที่จะทาครีมกันแดดด้วย ทั้งที่ผิวหน้า และที่ผิวกาย ซึ่งควรจะเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และถ้าจะให้ดีจะต้องมี PA ด้วย ก็จะสามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้พอสมควร และช่วยให้ปริมาณของคอลลาเจนไม่ลดลง แถมยังเป็นการช่วยเพิ่มเอนไซม์ที่ส่งผลต่อคอลลาเจนได้ด้วย

กินคอลลาเจนเป็นประจำส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือไม่

กินคอลลาเจนเป็นประจำส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือไม่

การกินคอลลาเจนให้ได้ผลที่ดี และเป็นประโยชน์นั้น นอกจากที่จะต้องรู้ว่าคอลลาเจนกินได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่แล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย เพื่อเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้กรณีที่ไม่ดีนั้นเกิดขึ้นกับตัวเอง แน่นอนว่าการกินคอลลาเจนไม่ได้มีแค่ข้อดี หรือประโยชน์อย่างเดียว แต่ยังมีผลกระทบอาจจะส่งผลต่อผู้กินได้ด้วย ซึ่งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินคอลลาเจนเป็นประจำก็มีดังต่อไปนี้

  • เกิดอาการแพ้ เนื่องจากว่าคอลลาเจนมักจะสกัดมาจากปลาทะเลลึก หรือสัตว์น้ำที่มีเปลือก ทำให้อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีอาการแพ้อาหารทะเลได้ และหากเกิดอาการแพ้มาก ๆ ในบางราย ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายตามมาได้เลย ดังนั้น ก่อนการเลือกซื้อคอลลาเจนมากิน ก็จำเป็นจะต้องดูฉลากที่ข้างกล่องคอลลาเจน เพื่อดูส่วนผสมของคอลลาเจนก่อนว่า มีส่วนผสมอะไรบ้าง ทั้งนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ หรืออันตรายขึ้นกับผู้กินนั่นเอง
  • กินเกินความจำเป็น จนไตทำงานหนัก การกินคอลลาเจนแม้ว่าจะดีและมีประโยชน์มากก็จริง แต่หากว่ากินมากเกินความจำเป็นก็สามารถส่งผลทำให้ไตทำงานหนักได้ โดยเฉพาะคนที่ต้องการอยากจะเห็นผลเร็ว ๆ จากการกินคอลลาเจนด้วยแล้ว ก็จะยิ่งกินคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด และไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เสี่ยงไตวาย และในที่สุดก็ป่วยเป็นโรคไต ดังนั้น ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม และปริมาณเพียงพอต่อร่างกายก็พอแล้ว
  • รสชาติไม่ถูกใจ อย่างที่บอกว่าคอลลาเจนมักสกัดมาจากปลาทะเล จึงอาจจะทำให้มีกลิ่นและรสชาติที่ไม่ถูกใจของผู้กินมากเท่าไหร่นัก จนบางคนอาจจะรู้สึกว่าคาวไปเลยก็มี วิธีการที่จะช่วยให้กินคอลลาเจนได้ง่ายมากขึ้น ก็คือ การกินคู่กับน้ำผลไม้ หรือวิตามินซี นอกจากจะช่วยให้กินง่ายแล้ว ก็ยังช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีด้วย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลที่สำคัญของการกินคอลลาเจน ที่ทุกคนที่สนใจอยากกินคอลลาเจนจำเป็นต้องรู้เอาไว้ เพราะการกินคอลลาเจนเป็นสิ่งที่ไม่ใช่นึกจะกินก็กินได้เลย จำเป็นต้องมีการศึกษาทั้ง คอลลาเจนที่กินทํามาจากอะไร และหาข้อมูลที่ถูกต้องก่อน นั่นก็เพื่อเป็นการช่วยให้กินแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี และยังช่วยให้ไม่เกิดผลข้างเคียง หรืออันตรายตามมานั่นเอง


อ้างอิง