หากจะพูดถึงเรื่องของการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลผิวพรรณ ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เนื่องจากว่าการมีผิวพรรณที่ดีนอกจากที่จะช่วยให้รู้สึกดีแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ได้ด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจที่ทำไมผู้คนในยุคนี้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของการดูแลผิวพรรณกันมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งมีการทำงานที่ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีด้วยแล้วจะไม่ดูแลผิวของตัวเองไม่ได้เลย ซึ่งการเลือกกิน อาหารเสริมคอลลาเจน ก็นับว่าเป็นวิธีการหนึ่งในการดูแลผิวที่ดี และได้รับความนิยมไม่น้อยเลย หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่า ประโยชน์ของคอลลาเจน มีอะไรบ้าง ในบทความนี้จึงจะมาอธิบายให้ได้รู้กัน


ประโยชน์ของคอลลาเจน สิ่งที่ควรรู้ในการดูแลผิวพรรณ

ประโยชน์ของคอลลาเจน สิ่งที่ควรรู้ในการดูแลผิวพรรณ

คอลลาเจน คือ โปรตีนที่ร่างกายของมนุษย์สามารถสร้างขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ โดยคอลลาเจนถือว่าเป็นสารที่มีความสำคัญมาก ๆ และมีอยู่ในหลาย ๆ ส่วนของร่างกาย การที่มีคอลลาเจนในร่างกายก็จะเป็นการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างกายจะมีความสามารถในการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองได้ก็จริง แต่เมื่อเวลาผ่านไปอายุเริ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะยังมีการผลิตคอลลาเจนแต่เป็นการผลิตที่น้อยลง ทำให้การที่ร่างกายจะมีคอลลาเจนเพียงพอได้ ก็อาจจะต้องอาศัยการกินคอลลาเจนจากแหล่งอื่น ๆ อีกที 

เมื่อถามถึงเรื่องของประโยชน์ของคอลลาเจน ก็เป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ว่า จริง ๆ แล้วคอลลาเจนนั้นมีประโยชน์กับร่างกายจริงหรือไม่ แต่ทั้งนี้จากการวิจัยจากสถาบันหลายแห่งทั่วโลก พบว่า คอลลาเจนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ เรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็น การช่วยดูแลสุขภาพผิวให้แลดูอ่อนเยาว์, การลดรอยเหี่ยวย่น, การเสริมให้ผิวให้แข็งแรง, บรรเทาอาการปวดข้อ, ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก, บำรุงหัวใจ, รักษาโรคข้อเสื่อม, รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้อีกด้วย และช่วยบำรุงให้ผิวพรรณเต่งตึง มีความเนียนนุ่มชุ่มชื้น

สำหรับการกินคอลลาเจนเป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยเพิ่มอีลาสตินให้กับผิวได้ จึงทำให้ผิวได้เติมเต็ม มีความชุ่มชื้น และอิ่มฟูขึ้น อีกทั้งการที่มีปริมาณของอีลาสตินเพิ่มขึ้นในร่างกาย ก็เป็นการช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์มากขึ้นได้ นอกจากนั้นแล้วการกินคอลลาเจนยังมีส่วนช่วยลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม, บำรุงผมให้แข็งแรง, ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตโปรตีนไฟเบอร์มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมไม่ขาดร่วงง่าย แข็งแรง และสุขภาพดี

คอลลาเจนยังมีประโยชน์มาก ๆ ในเรื่องของการช่วยเพิ่มน้ำในข้อต่อ

ยิ่งไปกว่านั้น การกินคอลลาเจนยังมีประโยชน์มาก ๆ ในเรื่องของการช่วยเพิ่มน้ำในข้อต่อ ลดการเสียดสีของข้อเข่า เนื่องจากว่าคอลลาเจนมีส่วนสำคัญในการช่วยลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณข้อต่อ โดยคอลลาเจนจะเข้าไปหยุดกระบวนการทำลายกระดูกอ่อน และเป็นการช่วยต้านการอักเสบ, ลดการเสียดสีของข้อเข่า และช่วยให้การเคลื่อนไหวข้อนั้นสามารถทำได้ดี และสะดวกมากยิ่งขึ้น แล้ว อายุเท่าไหร่ถึงกินคอลลาเจนได้ ก็ต้องบอกเลยว่าสัก 25 ปีก็ทานได้แล้ว เพราะยิ่งเริ่มกินเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคอลลาเจนจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในหลาย ๆ เรื่องก็จริง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพ และชนิดของคอลลาเจน วิธีการกิน และปริมาณที่กิน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ประโยชน์ หรือผลลัพธ์ที่ได้รับจากการกินคอลลาเจนของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญก็คือ นอกจากที่จะกินคอลลาเจนเสริมให้กับร่างกายแล้ว ก็จะต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ บวกกับการออกกำลังกายเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะช่วยให้สุขภาพผิว รวมถึงสุขภาพร่างกายแข็งแรงได้มากขึ้นแล้ว 


คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบในส่วนใดของร่างกายบ้าง

คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบในส่วนใดของร่างกายบ้าง

สำหรับคอลลาเจนนั้น อย่างที่ได้กล่าวไปว่าแล้วว่ามีส่วนสำคัญต่อร่างกายของมนุษย์มาก ๆ และคุณประโยชน์ของคอลลาเจนก็มีอยู่ไม่น้อยเลยด้วย จึงทำให้เป็นสิ่งที่ร่างกายไม่มีไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนนั้นอยู่ในหลาย ๆ ส่วนของร่างกาย ซึ่งบริเวณที่มีคอลลาเจนอยู่ก็มีดังนี้

  • ผิวหนัง กระดูก ผนังหลอดเลือด และเอ็นยึดกล้ามเนื้อ เป็นส่วนที่จะสามารถพบคอลลาเจนประเภทที่ 1 (type I) โดยในส่วนนี้จะสามารถพบคอลลาเจนได้มากถึง 90% ของร่างกายเลย สำหรับคอลลาเจนประเภทนี้ก็จะมีส่วนช่วยในเรื่องของการสร้างกระดูก เอ็น เอ็นยึดกล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด รวมถึงยังมีส่วนในการสร้างผิวหนัง เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และกระจกตาด้วย ซึ่งคอลลาเจนประเภทนี้ถือว่ามีความเหนียว และมีความแข็งแรงมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นคอลลาเจนที่ช่วยในเรื่องของการเพิ่มความยืดหยุ่น และการช่วยสมานแผลบนผิวหนังด้วยนั่นเอง
  • กระดูกอ่อนและข้อต่อต่าง ๆ เป็นส่วนที่จะสามารถพบคอลลาเจนประเภทที่ 2 (type II) โดยคอลลาเจนที่อยู่ในส่วนนี้จะทำหน้าที่ในการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์เซลล์จำนวนมาก เมื่อมีการสังเคราะห์ของเซลล์เกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นการช่วยลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณข้อต่อลงได้นั่นเอง นอกจากนั้นแล้วยังทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนัก และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับข้อต่อในขณะที่กำลังเคลื่อนไหวด้วย 
  • ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ผนังหลอดเลือด เป็นส่วนที่จะสามารถพบคอลลาเจนประเภทที่ 3 (type III) โดยคอลลาเจนที่อยู่ในส่วนนี้จะสามารถพบได้ไม่เยอะนัก เพราะสามารถพบได้น้อยกว่า 10% ของร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่จะพบมากในผนังหลอดเลือด และในข้อต่อต่าง ๆ 
  • เนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ และไขมัน เป็นส่วนที่จะสามารถพบคอลลาเจนประเภทที่ 4 (type IV) โดยคอลลาเจนที่อยู่ในส่วนนี้จะพบได้มากใน basement membrane และ basal lamina นอกจากนั้นก็จะมี pithelium-secreted layer คอลลาเจนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่จะพบได้มากในบริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ทำการหุ้มไขมันและกล้ามเนื้อเอาไว้ ซึ่งสำหรับคอลลาเจนประเภทนี้ก็จะช่วยในเรื่องของการทำงานในระบบประสาทและเส้นเลือด
  • เส้นผมและเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ เป็นส่วนที่จะสามารถพบคอลลาเจนประเภทที่ 5 (type V) โดยคอลลาเจนที่อยู่ในส่วนนี้จะเป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ ซึ่งจะสามารถพบคอลลาเจนชนิดนี้ได้มากในผิวของเซลล์ และเส้นผม

ปริมาณคอลลาเจนที่เหมาะสมต่อวันคือเท่าไหร่ และควรกินตอนไหนถึงจะดีที่สุด

ปริมาณคอลลาเจนที่เหมาะสมต่อวันคือเท่าไหร่ และควรกินตอนไหนถึงจะดีที่สุด

เมื่อได้เข้าใจกันมากขึ้นแล้วว่า คอลลาเจนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกายบ้าง ในส่วนนี้อยากจะให้ได้ทำความเข้าใจถึงเรื่องของปริมาณการกินคอลลาเจนที่เหมาะสมต่อวัน และการกินในช่วงเวลาที่เหมาะสมควรจะเป็นช่วงเวลาไหน โดยปริมาณการกินคอลลาเจนให้เหมาะสมนั้นแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องของช่วงวัย และอายุของผู้กินด้วย รวมถึงสิ่งที่ต้องการดูแลร่างกายก็ส่งผลให้ปริมาณคอลลาเจนต่างกันด้วย

สำหรับการกินคอลลาเจนนั้นก็แนะนำว่าให้กินวันละ 10,000 มก. หากว่าต้องการกินคอลลาเจน เพื่อช่วยในเรื่องของการลดเลือดริ้วรอย แต่ถ้าหากว่าต้องการกินคอลลาเจน เพื่อให้ช่วยในการดูแล และบำรุงสุขภาพ ก็ควรกินอย่างต่อเนื่องวันละ 5,000 มก. ส่วนกรณีของการกินเพื่อบำรุงรักษากระดูก ก็จะต้องกินคอลลาเจนให้ได้อยู่ในระหว่างปริมาณ 2,500–5,000 มก. ต่อวัน ทั้งนี้ การกินคอลลาเจนในปริมาณที่เหมาะสมก็เป็นการช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดด้วยนั่นเอง

มาถึงในส่วนของช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกินคอลลาเจนกันบ้าง โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการกินคอลลาเจนนั้น นักโภชนาการไม่น้อยเลยที่ให้คำแนะนำว่า การกินคอลลาเจนนั้นสามารถกินได้ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า กลางวัน เย็น หรือว่าช่วงก่อนนอน สามารถที่จะเลือกกินคอลลาเจนในช่วงเวลาที่สะดวกได้เลย ในการกินนั้นจะกินคอลลาเจนเพียว ๆ หรือการกินพร้อมกับวิตามินซีก็สามารถทำได้ตามที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม หากว่าอยากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และกินแล้วช่วยให้ได้ผลไว ก็แนะนำว่าควรกินคอลลาเจนตอนท้องว่าง และยังไม่มีอาหารอยู่ในท้อง 

การที่ให้กินคอลลาเจนตอนท้องว่างนั้น ก็เป็นเพราะว่าตอนที่ท้องยังว่างอยู่ ระบบการทำงานของร่างกายจะสามารถทำหน้าที่ในการดูดซึมเอาคอลลาเจนที่กินเข้าไปไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้ช่วงเวลาที่ท้องว่างส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงตื่นนอน กับก่อนนอนที่เรียกได้ว่าเหมาะสมที่สุดกับการกินคอลลาเจนแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ท้องว่าง แต่ถึงอย่างนั้นการกินคอลลาเจนให้ได้ผลก็จำเป็นต้องกินอย่างต่อเนื่องด้วย และไม่แนะนำให้กิน คอลลาเจนที่หมดอายุ เพราะเสื่อมประสิทธิภาพแล้ว ควรเลือกกินคอลลาเจนที่มีคุณภาพก็จะช่วยให้ได้เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการได้อย่างแน่นอน  


3 ปัจจัยเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจน

3 ปัจจัยเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจน

จากที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าคุณประโยชน์ของคอลลาเจนนั้นมีมากมาย และร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เอง แต่ทั้งนี้พฤติกรรมบางอย่างที่ทำในชีวิตประจำวันก็สามารถส่งผลทำให้ร่างกายเกิดการสูญเสียคอลลาเจนขึ้นได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควรหลีกเลี่ยง สำหรับปัจจัยเสี่ยงก็มีดังต่อไปนี้

1. ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

การที่มีความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเป็นการทำให้มีการหลั่งสาร Cortisol (คอร์ติซอล) ออกมา โดยสารชนิดนี้จะเป็นตัวทำลายคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวให้มีการผลิตคอลลาเจนออกมาน้อยลง เมื่อมีความเครียดสูง จึงทำให้มักจะดูแก่กว่าวัย ผิวพรรณแย่ลง และทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นได้ง่าย นอกจากนั้นแล้วการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเอง ก็เป็นสิ่งที่ส่งผลให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพลงได้เร็วมากกว่าเดิมด้วย รวมถึงยังสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้อีก

2. การสัมผัสแสงแดดและมลภาวะ

การที่ร่างกายต้องสัมผัสกับรังสี UV และมลภาวะต่าง ๆ อยู่ตลอด ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาทางด้านริ้วรอยตามมาด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่ารังสียูวีถือว่าเป็นตัวการสำคัญเลยที่ทำลายเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินที่อยู่ในผิวหนังให้อ่อนแอ และยืดหยุ่นน้อยลง ในที่สุดก็จะส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอย และมีความหย่อนคล้อย

3. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่

เป็นสิ่งที่แน่นอนว่าไม่ดีต่อสุขภาพ และไม่มีต่อคอลลาเจนด้วย เนื่องจากว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเร่งกระบวนการชราของผิว นั่นก็เพราะว่าเลือดที่ส่งไปยังผิวหนังนั้นมีปริมาณที่น้อยลงนั่นเอง อีกทั้งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ เมื่อร่างกายต้องการน้ำมากขึ้น แนวโน้มที่ร่างกายจะเกิดริ้วรอยขึ้นก็มีได้มากขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การกินคอลลาเจนถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ เพราะสามารถช่วยดูแลผิวพรรณให้ดูสวย เต่งตึง และสุขภาพดีมากขึ้นได้ และนอกจากนั้นก็ยังสามารถช่วยดูแลสุขภาพร่างกายได้อีกในหลาย ๆ เรื่องเลย ทั้งนี้แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากแต่ก็ควรเลือกกินให้เหมาะสม และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ที่สำคัญควรเลือกซื้อคอลลาเจนจากแบรนด์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. แล้วด้วยว่ามีคุณภาพจริง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียง หรืออันตรายตามมาจากการกินคอลลาเจนไปแล้ว


อ้างอิง