ยาลดความอ้วนยี่ห้อไหนดี 10 อันดับ ได้หุ่นใหม่ แบบไม่ทรมาน

ยาลดความอ้วนยี่ห้อไหนดี 10 อันดับ ได้หุ่นใหม่ แบบไม่ทรมาน

ยาลดความอ้วนยี่ห้อไหนดี  – เวลาที่รู้สึกเครียด ๆ กับงาน หรือเจอปัญหาความไม่แน่นอน 108 ในชีวิต การได้กินของอร่อย ๆ อย่างขนมหวาน มันทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเลยใช่ไหม? แต่วิธีนี้ท้ายที่สุดแล้วอาจส่งผลต่อสุขภาพจนเกิด “โรคอ้วน” ได้ หากเลือกกินแต่อาหารที่ไม่ให้คุณประโยชน์ อย่าง ฟาสต์ฟู้ด, ขนมไขมันทรานส์ ฯลฯ หรือกินมากเกินความจำเป็นของร่างกาย แต่นอกจากอาหารแล้วยังมีปัจจัยและการใช้ชีวิตแบบคนเมืองหลาย ๆ สาเหตุ ที่ทำให้คุณอาจเกิดภาวะอ้วนได้ ไปส่องความเสี่ยงของภาวะโรคอ้วน และเรียนรู้วิธีรับมือด้วย 10 ยาลดความอ้วนที่ดีที่สุด พร้อม ๆ กันเลย

1. Slenza

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Slenza ช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผลด้วยสารสกัดที่ช่วยในเรื่องลดความอยากอาหาร ลดความหิว จึงเพิ่มการเผาพลาญ ลดน้ำหนัก บล็อคแป้ง น้ำตาล ลดไขมัน อย่างได้ผล เป็นอาหารเสริมที่ช่วยลดความอยากอาหาร เพิ่มการเผาพลาญ ป้องกันการสะสมไขมัน เร่งการเผาพลาญไขมัน ไม่เห็นผลรับประกัน ยินดีคืนเงิน

2. Labelle

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดีท็อกซ์ Labelle Fiber Mixberry สร้างโอกาสที่ดี เพราะหน้าต่างบานแรกเริ่มจากภายนอก! เพียงดื่ม Labelle ที่มีสารสกัดจากผลไม้ + Vitamin C และสารสกัดจากธรรมชาติกว่า 15 ชนิด ได้ระบบขับถ่ายที่ดี, มีหุ่นสวย ดั่งใจ, ผิวเนียน ลื่นใส, สุขภาพแข็งแรง ยาวนานต่อเนื่อง Labelle ช่วยล้างสารพิษ ถ่ายคล่อง ไม่ปวดบิด ดื่มง่าย อร่อย ตื่นเช้า พุงยุบ

3. เรนาต้า Renatar FiberX

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและระบบขับถ่าย Renatar FiberX สมดุลแห่งชีวิตที่ทุกคนปรารถนา ขับถ่ายง่าย ลำไส้สะอาด ปราศจากของเสีย ตัดส่วนที่เกินเพิ่มเติมส่วนที่ขาดด้วย Prebiotic และ Phytonutrients และยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันลึกถึงระดับเซลล์ ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด Celltuin ลิขสิทธิ์แห่งแรกแห่งเดียวในประเทศไทย ไม่ทำให้อ้วน คนเป็นเบาหวานทานได้ ผิวใส ดูมีออร่า

4. Amway Bodykey

Bodykey by Nutrilite ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร มีส่วนประกอบสำคัญจากโปรตีน ใยอาหาร วิตามิน และเกลือแร่สำคัญต่างๆ เพื่อให้พลังงานและสารอาหารอย่างสมดุลสำหรับหนึ่งมื้อ ช่วยเพิ่มกากในระบบทางเดินอาหาร และช่วยกระตุ้นการขับถ่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนัก รับประกันความพอใจ ยินดีคืนเงิน

5.โบต้าพี BOTA – P

Bota-P เป็นอาหารเสริมโปรตีนในรูปแบบแคปซูล ที่มีส่วนผสมมาจากพืชตระกูลถั่วทั้ง 4 ชนิด คือ ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว และถั่วขาว เมื่อทานแล้วจะให้ความรู้สึก สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยบำรุงสมอง เสริมสมรรถภาพ เพิ่มกล้ามเนื้อ กระชับสัดส่วน คุมน้ำหนัก เร่งการเผาผลาญ และแคปซูลนั่น ยังทำมาจากข้าวเหนียว จึงปลอดภัย ทำให้ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือคุณแม่ให้นมบุตรสามารถรับประทานได้

6. Wink white Morosil S

MOROSIL S โมโร่ซิล เอส ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมควบคุมน้ำหนักจากแบรนด์ WinkWhite ที่มีสารสกัดจากส้มสีแดงสายพันธุ์ Moro Orange ซึ่งผลไม้ชนิดนี้โดดเด่นในเรื่องของการกระชับสัดส่วนและสลายไขมันส่วนเกินในร่างกาย กินหนักแค่ไหน ดื้อยาแค่ไหน ก็เอาอยู่

7. NQ S Cross Brand

นิวควีน NQ S cross Brand อาหารเสริมลดน้ำหนักชนิดแคปซูล ที่มีสารสกัดสมุนไพรจากธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ทำให้พุงยุบ ต้นแขนต้นขาลดลง กระชับสัดส่วน ช่วยบล็อกแป้งและน้ำตาล หากคุณเป็นคนที่ดื้อยาหรือลดยาก นิวควีนช่วยคุณได้

8. Phyteney

ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ จาก Phyteney (ไฟทินี่) ช่วยให้คุณหุ่นเฟิร์มได้แบบไม่โทรม ไม่หิว ไม่กดประสาท อีกทั้งยังมีส่วนผสมของกรดอะมิโนจำเป็น ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มพลังของกล้ามเนื้อ ทำให้ออกกำลังกายได้นานยิ่งขึ้น และยังช่วยเผาผลาญไขมันเก่าสะสม ดักจับไขมันใหม่ที่เข้ามาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

9. LB Green

LB Green แอลบีกรีน อาหารเสริมควบคุมน้ำหนักจากธรรมชาติ โดย แพท ณปภา มิติใหม่ของการควบคุมน้ำหนักให้คุณมากกว่าคำว่าผอม สกัดจากพืชพรรณธรรมชาติที่มากกว่า 13 ชนิด ช่วยดูแลน้ำหนักและรูปร่าง ตัวช่วยทำให้อิ่มไว ไม่ทานจุกจิก ใหม่กับวิถีธรรมชาติ ปรับปรุงสูตรให้เห็นผลมากกว่าเดิม

10. Chimz

Chimz ชิมซ์ อาหารเสริมลดน้ำหนัก มี อย หุ่นสวยสร้างได้ ใช้สารสกัดจากธรรมธรรมชาติ 100% ทั้ง 4 อย่าง ส้มแขก ต้นบุก กระบองเพชร ถั่วขาว ช่วยลดความอยากอาหาร เร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ดูดซึมแป้งและน้ำตาล ไม่ให้ร่างกายได้รับไขมันเพิ่ม และช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี

สตรีมีครรภ์ใช้อาหารเสริมลดน้ำหนักได้ไหม?

การใช้ยาหรืออาหารเสริมลดน้ำหนักขณะตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะสารเคมีจากยาอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ได้ ยิ่งในช่วง 2-8 สัปดาห์แรก เป็นช่วงที่ทารกกำลังสร้างอวัยวะต่าง ๆ ทำให้สารเคมีสามารถผ่านจากรกไปยังทารกและอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทารกพิการได้ หากคุณกินยาลดน้ำหนักโดยที่ไม่รู้ตัวว่าท้องอยู่ จะมีผลกระทบอะไรไหม? เรามาหาคำตอบกัน…

ในความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงไม่ควรลดน้ำหนักในขณะที่มีการตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้ทารกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากคุณรับประทานอาหารเสริมลดน้ำหนักมาก่อนที่จะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ การกินยาครั้งสุดท้ายเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนการตั้งครรภ์นั้น อาจไม่มีผลกระทบต่อทารก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของยาและปริมาณที่ใช้ด้วย

มีการวิจัยแห่งหนึ่งจากสถาบัน National Library of Medicine ในสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่า หากคุณแม่ใช้ยาลดน้ำหนักขณะที่ท้อง อาจมีความเสี่ยงต่อทารกได้ ดังนี้

• •  ทารกในครรภ์ตัวเล็กกว่าเกณฑ์
  •  ทารกอาจจะเสียชีวิตในขวบปีแรก
  •  ทารกเสี่ยงพิการทางด้านร่างกาย
  •  ทารกเสี่ยงพิการในด้านระบบประสาทและสมอง

“ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่ใช้ยาลดน้ำหนักขณะตั้งครรภ์”

• •  เสี่ยงต่อการแท้งบุตร
  •  เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
  •  มีความดันโลหิตสูงและอาจเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษถึงขั้นเสียชีวิตได้
  •  การให้กำเนิดทารกตัวใหญ่ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะคลอดได้

อย่างไรก็ตาม การใช้ยาทุกชนิดกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่ อาจส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์ได้ หากคุณกำลังใช้อาหารเสริมลดน้ำหนักอยู่แล้วตรวจพบว่าท้อง ควรหยุดรับประทานทันทีและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากเป็นไปได้ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการใช้อาหารเสริมลดน้ำหนักตั้งแต่ช่วงวางแผนที่จะมีบุตร หรือหากจำเป็นต้องใช้ยาจริง ๆ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก

อ้างอิง :

1. The Asian parent. อันตรายของยาลดความอ้วนกับการตั้งครรภ์. https://th.theasianparent.com/อันตรายของยาลดความอ้วนกับการตั้งครรภ์
2. National Library of Medicine. Appetite suppressants in pregnancy. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/23353864/

ระหว่างทานอาหารเสริมลดน้ำหนัก ไม่ออกกำลังกายน้ำหนักจะลดไหม?

‘การออกกำลังกาย’ เชื่อว่าต้องเป็นหนึ่งในอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ของสาว ๆหลายคนที่อยากผอมแต่ไม่อยากออกกำลังกาย เพราะอาจจะไม่พร้อมทั้งด้านเวลาหรือสภาพร่างกาย จึงเกิดคำถามขึ้นว่า “ถ้าเราไม่ออกกำลังกาย จะผอมได้ไหม?” ต้องตอบเลยว่า “ได้”

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้กล่าวว่า การลดน้ำหนักขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายเพียง 20% เท่านั้น อีก 80% ขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารของเรา เหมือนคำกล่าวที่ว่า “You are what you eat – กินอะไรไป คุณก็ได้อย่างนั้น” ซึ่งพื้นฐานของการลดน้ำหนักที่ดี คือการ ‘ลดจำนวนไขมันในร่างกายลง’ โดยสามารถทำได้ง่าย ๆ 4 วิธี ดังนี้

1.  เพิ่มปริมาณการกินโปรตีน – การกินโปรตีนช่วยให้เราอิ่มท้องได้นานและไม่อยากกินจุกจิก ทำให้ลดการรับพลังงานที่ไม่จำเป็นได้
2.  ลดการกินอาหารแปรรูป – เช่น ไส้กรอก แฮม หรืออาหารแช่แข็ง เพราะมักจะมีปริมาณน้ำตาลหรือโซเดียมค่อนข้างสูง
3.  กินอาหารที่มีไฟเบอร์ – เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว หรือธัญพืชต่าง ๆ ที่ช่วยกำจัดไขมันในร่างกายได้
4.  แบ่งสัดส่วนอาหาร – จำกัดปริมาณอาหารในแต่ละวันให้ร่างกายไม่รับแคลอรี่มากหรือน้อยเกินไป

อาหารเสริมลดน้ำหนักส่วนใหญ่ จะประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สามารถลดไขมันสะสมในร่างกายหรือช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ไขมันในร่างกายของคุณลดลงได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย แต่การออกกำลังกายนั้น ก็มีข้อดีคือทำให้สุขภาพของเราแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย หรือหากคุณเป็นคนที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ เมื่อลดไขมันแล้วร่างกายของอาจจะยังไม่ฟิตและกระชับ การออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีเช่นกัน

อ้างอิง : 

1.  Express. How to lose weight easily: Can you lose weight without exercise? https://www.express.co.uk/life-style/diets/1302539/Weight-loss-easy-can-you-lose-weight-without-exercise
2.  Haijai. ลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกายได้ไหม? https://www.haijai.com/4162/
3.  True ID. 4 วิธีลดไขมันสะสมในร่างกาย โดยไม่ต้องเหนื่อยออกกำลัง https://women.trueid.net/detail/7V8x44ZWW7jV

เลิกทานอาหารเสริมลดน้ำหนัก จะโยโย่ไหม?

สาว ๆ หลายคนอาจจะคิดว่าการกินอาหารเสริมลดน้ำหนักหรือยาลดความอ้วน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ‘โย่โย่ เอฟเฟค (Yo-yo effect)’ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะโยโย่เอฟเฟก์ คือการที่น้ำหนักของเราเหวี่ยงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับคนที่ลดน้ำหนักแบบผิดวิธี โดยมี 3 สาเหตุหลัก ดังนี้

1. การอดอาหาร

การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักอย่างหักโหม ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายไม่สมดุล ร่างกายจึงไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้ดี

2. การลดปริมาณอาหารที่ทานอย่างรวดเร็ว หรือการออกกำลังกายมากเกินไป

ทำให้ร่างกายเข้าใจผิดคิดว่ากำลังจะตาย จึงลดการใช้พลังงานในร่างกาย และทำให้การทำงานของระบบเผาผลาญกับระบบสลายไขมันในร่างกายลดตามลงไปด้วย จากน้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็วอาจหยุดกระทันหันได้

3. ความเครียด

เมื่อน้ำหนักไม่ลดลงอาจก่อให้เกิดความเครียดที่ส่งผลให้มีการหลั่งฮอร์โมนเกรลิน ( Ghrelin Hormone) ที่เป็นฮอร์โมนแห่งความหิวออกมามากขึ้น ทำเรากินมากกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว

การลดน้ำหนักที่ดีคือไม่ควรอดอาหาร แต่ให้เลือกกินอาหารที่มีปริมาณแคลลอรี่ที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน เมื่อมีการเลิกทานอาหารเสริมลดน้ำหนักและควบคุมปริมาณอาหารอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของคุณก็จะไม่มีอาการโยโย่ เพราะการกินอาหารเสริมลดน้ำหนักที่ดี ส่วนใหญ่จะมีสรรพคุณ คือ

• •  ช่วยลดความหิว ทำให้ไม่กินจุกจิก
  •  ช่วยในเรื่องระบบการเผาผลาญในร่างกายให้สมดุล
  •  ลดการดูดซึมของแป้งหรือไขมันเข้าสู่ร่างกาย ลดการ สร้างไขมันใหม่ หรือเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
  •  ช่วยการขับถ่าย

ในทางกลับกัน อาหารเสริมลดน้ำหนักที่อวดอ้างสรรพคุณว่าลดเร็ว ลด 10 กิโลใน 1 เดือน อาจเป็นไปได้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้น มีสารที่ทำให้คุณเบื่ออาหาร กินอาหารไม่ลง เมื่อเลิกใช้ยาแล้ว ก็ทำให้กลับมากินอาหารเยอะกว่าเดิมและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการโยโย่ได้

อ้างอิง :

1.  Lovefitt. โยโย่ เอฟเฟค คืออะไร. https://www.lovefitt.com/tips-tricks/โยโย่-เอฟเฟค-คืออะไร/
2.  Ampro Health.โยโย่เอฟเฟค (YOYO Effect) คืออะไร.  https://amprohealth.com/obesity/weight-loss-diet-with-no-yoyo-effect/

เลิกทานอาหารเสริมลดน้ำหนัก จะโยโย่ไหม?

สาว ๆ หลายคนอาจจะคิดว่าการกินอาหารเสริมลดน้ำหนักหรือยาลดความอ้วน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ‘โย่โย่ เอฟเฟค (Yo-yo effect)’ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะโยโย่เอฟเฟก์ คือการที่น้ำหนักของเราเหวี่ยงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับคนที่ลดน้ำหนักแบบผิดวิธี โดยมี 3 สาเหตุหลัก ดังนี้

1. การอดอาหาร

การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักอย่างหักโหม ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายไม่สมดุล ร่างกายจึงไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้ดี

2. การลดปริมาณอาหารที่ทานอย่างรวดเร็ว หรือการออกกำลังกายมากเกินไป

ทำให้ร่างกายเข้าใจผิดคิดว่ากำลังจะตาย จึงลดการใช้พลังงานในร่างกาย และทำให้การทำงานของระบบเผาผลาญกับระบบสลายไขมันในร่างกายลดตามลงไปด้วย จากน้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็วอาจหยุดกระทันหันได้

3. ความเครียด

เมื่อน้ำหนักไม่ลดลงอาจก่อให้เกิดความเครียดที่ส่งผลให้มีการหลั่งฮอร์โมนเกรลิน ( Ghrelin Hormone) ที่เป็นฮอร์โมนแห่งความหิวออกมามากขึ้น ทำเรากินมากกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว

การลดน้ำหนักที่ดีคือไม่ควรอดอาหาร แต่ให้เลือกกินอาหารที่มีปริมาณแคลลอรี่ที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน เมื่อมีการเลิกทานอาหารเสริมลดน้ำหนักและควบคุมปริมาณอาหารอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของคุณก็จะไม่มีอาการโยโย่ เพราะการกินอาหารเสริมลดน้ำหนักที่ดี ส่วนใหญ่จะมีสรรพคุณ คือ

• •  ช่วยลดความหิว ทำให้ไม่กินจุกจิก
  •  ช่วยในเรื่องระบบการเผาผลาญในร่างกายให้สมดุล
  •  ลดการดูดซึมของแป้งหรือไขมันเข้าสู่ร่างกาย ลดการ สร้างไขมันใหม่ หรือเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
  •  ช่วยการขับถ่าย

ในทางกลับกัน อาหารเสริมลดน้ำหนักที่อวดอ้างสรรพคุณว่าลดเร็ว ลด 10 กิโลใน 1 เดือน อาจเป็นไปได้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้น มีสารที่ทำให้คุณเบื่ออาหาร กินอาหารไม่ลง เมื่อเลิกใช้ยาแล้ว ก็ทำให้กลับมากินอาหารเยอะกว่าเดิมและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการโยโย่ได้

อ้างอิง :

1.  Lovefitt. โยโย่ เอฟเฟค คืออะไร. https://www.lovefitt.com/tips-tricks/โยโย่-เอฟเฟค-คืออะไร/
2.  Ampro Health.โยโย่เอฟเฟค (YOYO Effect) คืออะไร. https://amprohealth.com/obesity/weight-loss-diet-with-no-yoyo-effect/

ทานอาหารเสริมลดน้ำหนัก แต่น้ำหนักไม่ลด ทำอย่างไรดี?

การทานอาหารเสริมลดน้ำหนัก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เมื่อมีตัวช่วยแล้วผู้บริโภคอาจจะหวังให้ตัวเลขบนตราชั่งลดลงเรื่อย ๆ แต่…ชั่งทุกวันทำไมน้ำหนักก็ยังไม่ลดสักทีนะ? อย่าเพิ่งกังวลไปค่ะ เพราะร่างกายของเรามีพัฒนาการที่มองไม่เห็นอยู่ การลดน้ำหนักที่ดีไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขบนตราชั่ง แต่วัดกันที่มวลไขมันต่างหากล่ะ

ปกติแล้วน้ำหนักตัวของเราจะสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ถึง 1-2 กิโลกรัมต่อวันเลยทีเดียว เมื่อดื่มน้ำหรือปัสสาวะน้ำหนักตัวก็อาจเปลี่ยนแล้ว ดังนั้นการจะวัดว่าเราอ้วนหรือผอมลงได้นั้นคือรูปร่างและสัดส่วนของเรา จึงต้องมีการวัดสัดส่วนและบันทึกเก็บไว้เป็นระยะ หรือหากกางเกงที่ใส่เริ่มหลวมแล้วก็แสดงว่าสัดส่วนของเราเริ่มลดลงแล้วนั่นเอง

4 วิธีกินอาหารเสริมลดน้ำหนักให้ได้ผล

1.  ควบคุมปริมาณอาหาร

คุณอาจจะคิดว่ากินอาหารเสริมลดน้ำหนักแล้วจะสามารถกินอาหารได้มากกว่าเดิม จริง ๆ แล้วการลดน้ำหนักที่ดีต้องมีการควบคุมปริมาณอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันด้วย

2.  จัดการความเครียด

เมื่อคุณเกิดความเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจะเพิ่มไขมันในช่องท้องทำให้ระบบการเผาผลาญลดลง

3.  ลดการกินเค็มจัด

การกินอาหารที่มีรสเค็มมักมีเกลือหรือโซเดียมคลอไรด์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เราให้เราอ้วน

4.  นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับไม่เพียงพอ ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเลปตินที่ควบคุมความอิ่มต่ำลง ทำให้เรารู้สึกหิวและมีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น

การกินอาหารเสริมลดน้ำหนัก จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยทำให้ระบบเผาผลาญไขมันในร่างกายของคุณดีขึ้น เมื่อไขมันในร่างกายลดลงคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมน้ำหนักตัวถึงไม่ลดลงตามลงไปด้วย เพราะไขมันในร่างกายมีลักษณะเหมือนฟองน้ำ คือ ‘ใหญ่แต่เบา’ เมื่อไขมันสลายตัวไปน้ำหนักตัวของคุณจึงคงที่หรือลดลงน้อยมาก แต่รูปร่างจะมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว หรือหากน้ำหนักเริ่มนิ่งนานลองปรับการกินหรือวางแผนการออกกำลังกายควบคู่กันไปก็จะทำให้ร่างกายของคุณเฟิร์มขึ้นได้อีกด้วย

อ้างอิง : 

1.  Lovefitt. คุมอาหาร-ออกกำลังกาย แต่ทำไมน้ำหนักไม่ลง. https://www.lovefitt.com/healthy-fact/คุมอาหาร-ออกกำลังกาย-แต่ทำไมน้ำหนักไม่ลง/
2.  The Standard.วิทยาศาสตร์ของ เครียด – กิน – อ้วน. https://thestandard.co/stress-causes-people-to-overeat/
3.  Nestle. ไม่อยากอ้วนต้องเลิกกินเค็ม. https://www.nestle.co.th/th/nhw/news/3esไม่อยากอ้วนต้องเลิกกินเค็ม

สาระน่ารู้เกี่ยวกับอาหารเสริมลดน้ำหนัก

สาเหตุของโรคอ้วน

ชนิดของอาหารเสริมลดน้ำหนัก (สารเคมี vs สมุนไพร)

อาหารเสริมลดน้ำหนัก vs ไฟเบอร์ดีท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร

อันตรายจากการใช้ยาลดความอ้วน

ใครบ้างที่ไม่ควรได้รับยาลดความอ้วน?